กรุงเทพฯ 18 ส.ค. – ผู้ต้องขังเกือบ 40,000 คน ที่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษในปีนี้ กรมราชทัณฑ์มีมาตรการคัดกรองโควิดอย่างเข้มงวด ก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขังคืนสู่สังคม ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งกระจายวัคซีนให้กลุ่มผู้ต้องขังที่จะได้รับการปล่อยตัวในเร็วๆ นี้
กรมราชทัณฑ์เปิดเผยข้อมูลในปีนี้มีผู้ต้องขัง 35,000-40,000 คน ที่เข้าหลักเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2564 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี จึงได้วางแนวทางการปล่อยตัวผู้ต้องขัง ขณะที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด
ตามขั้นตอนผู้ต้องขังที่เข้าหลักเกณฑ์ปล่อยตัวทุกคนจะต้องตรวจหาเชื้อโควิดรอบแรก ก่อนเข้าอบรมโครงการ “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง” เตรียมพร้อมเป็นเวลา 14 วัน ก่อนปล่อยตัว เพื่อให้พวกเขาได้มีความรู้ติดตัวไปประกอบอาชีพหลังพ้นโทษ และท้ายสุดจะมีการตรวจเชื้อโควิดให้ผู้ต้องขังอีกครั้ง ก่อนถูกปล่อยตัว 3 วัน ด้วยวิธีตรวจแบบ ATK และ RT-PCR หากพบเชื้อ ทุกคนจะได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือศูนย์พักพิงภายนอกเรือนจำ จนกว่าจะหายดี เพื่อให้ประชาชนและสังคมเกิดความมั่นใจว่ากรมราชทัณฑ์จะดูแลผู้ต้องขังทุกคนและสังคมเป็นอย่างดี
กรมราชทัณฑ์ยังเตรียมเสนอขอวัคซีนเพิ่มจากกระทรวงสาธารณสุข ฉีดให้กลุ่มผู้ต้องขัง ก่อนได้รับการปล่อยตัว ล่าสุดกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันพร้อมสนับสนุนวัคซีนฉีดให้ผู้ต้องขังที่จะพ้นโทษในเร็วๆ นี้ เพื่อให้พวกเขามีภูมิคุ้มกัน ก่อนออกไปใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคม นอกจากนี้จะเดินหน้ากระจายวัคซีนโควิดให้กลุ่มผู้ต้องขังกว่า 300,000 คน ในเรือนจำ และทัณฑสถานทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว 115,489 โดส เป็นเข็มแรก 60,749 คน และเข็ม 2 จำนวน 54,740 คน เพื่อเร่งควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด ลดการเจ็บป่วยรุนแรง และเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย