กรุงเทพฯ 14 ส.ค.-กรมควบคุมโรค ย้ำ “กลุ่มสูงวัย กลุ่มโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์” รีบฉีดวัคซีนโควิดโดยเร็ว ลดเสี่ยงป่วยรุนแรง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำให้กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป กลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ขึ้นไป รีบเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเดือนสิงหาคมนี้โดยเร็ว ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทั่วประเทศฟรี ระบุวัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตได้
วันนี้ (14 สิงหาคม 2564) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ยังมีแนวโน้มพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลพบว่าในกลุ่มของผู้ที่เสียชีวิต ประมาณร้อยละ 84 เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มโรคเรื้อรัง เนื่องจากมีระดับภูมิต้านทานต่ำ และส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน เมื่อติดเชื้อโควิด-19 จะทำให้มีอาการป่วยรุนแรง จึงขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ซึ่งมี 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 2.กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคอ้วนน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคไตวาย และ 3.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ขึ้นไป ให้รีบเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเดือนสิงหาคมนี้ ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทั่วประเทศฟรี เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันโรค และโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด จะต้องเร่งเข้ารับบริการฉีดเข็มที่ 1 โดยเร็ว
นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า ในเดือนสิงหาคมนี้ กรมควบคุมโรคได้จัดหาวัคซีนไว้ทั้งหมด 10 ล้านโดส ประกอบด้วยวัคซีนชิโนแวค 4 ล้านโดส และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 6 ล้านโดส จัดส่งให้ทั้ง 77 จังหวัดทุกสัปดาห์ เพื่อกระจายให้พื้นที่สามารถฉีดให้กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง ซึ่งวัคซีนดังกล่าว มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานคณะกรรมอาหารและยา (อย.)
“วัคซีนป้องโรคโควิด-19 ทุกชนิด จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย หากติดเชื้อจะป้องกันไม่ให้มีอาการหนักและเสียชีวิต หลังฉีดแล้วอาจมีอาการข้างเคียงเกิดได้บ้าง เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดบวมบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1-3 วัน ประชาชนจึงไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด ทุกคนจะต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคอย่างเพียงพอในสถานการณ์ที่โรคกำลังแพร่ระบาด” นายแพทย์โอภาสกล่าว
สำหรับภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-12 ส.ค. 64 ฉีดไปแล้ว 22,508,659 โดส โดยในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 3,613,029 คน ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 270,595 คน กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว จำนวน 1,899,772 คน ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 331,504 คน และในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว จำนวน 8,382 คน
ทั้งนี้ ในช่วงนี้ขอให้ประชาชนทุกคนทุกพื้นที่ ทั้งที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้ว และกำลังจะไปฉีดวัคซีน ขอให้งดออกนอกบ้านให้มากที่สุด หากมีความจำเป็นต้องออกไปธุระให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยแอลกอฮอล์เจล ผู้ที่มีโรคประจำตัวให้รับประทานยาเพื่อควบคุมอาการอย่างต่อเนื่อง งดการร่วมวงทานอาหาร งดเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มต่างๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422 .-สำนักข่าวไทย