สำนักข่าวไทย 13 ส.ค. – รองประธานบริษัท ณุศาศิริ แจงในฐานะผู้แทนจำหน่ายชุดตรวจ ATK ที่ชนะการประมูลของ อภ. ยันทำโดยสุจริต และเลือกสินค้ามีคุณภาพร่วมประมูล แจงราคาต่ำกว่าคนอื่นแค่ 2 บาท วอนอย่าคิดว่าของถูกไม่ดี และไม่ได้รับรอง FDA USA เพราะบริษัทผู้ผลิตไม่ได้มีแผนจำหน่ายใน USA แต่วางขายในยุโรป และได้รับการรับรองมาตรฐาน CE
นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวชี้แจงเรื่องชุดตรวจ ATK (Antigen Test Kit) ที่ชนะการประมูลขององค์การเภสัชกรรม แต่เกิดข้อกังขาประสิทธิภาพชุดตรวจ เนื่องจาก FDA USA ไม่รับรอง ว่า เรื่องนี้ทางบริษัท ณุศาศิริ มีทุนจดทะเบียนกว่า 7,641 ล้านบาท ได้เข้ามาเกี่ยวข้องโดยทำหน้าที่เป็นผู้แทนจำหน่าย โดยใช้ชื่อ บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมประมูลชุดตรวจ ATK กับองค์การเภสัชกรรม รับมอบอำนาจ 100% จากบริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าเครื่องมือแพทย์ เป็นผู้ได้รับอนุญาตนำเข้าจาก อย. เดิมบริษัท ณุศาศิริ ทำแต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และครั้งแรกที่เข้ามาทำเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ และร่วมประมูลกับภาครัฐ ยืนยันไม่ได้เป็นนอมินีของใคร การดำเนินการเรื่องนี้ เนื่องจากต้องการนำเข้าชุดตรวจที่คนไทย ราคาจับต้องได้ มาใช้ตรวจเอง และเดิมมีการสั่งซื้อในกลุ่มเพื่อนเพื่อมาใช้ในงานอีเวนท์ ในกลุ่มท่องเที่ยว และหากประมูลได้ในนามรัฐก็จะยิ่งทำให้มีราคาถูกลง เมื่อมีการสั่งซื้อมาใช้ในกลุ่มเพื่อนที่ทำธุรกิจท่องเที่ยว
นางศิริญา กล่าวว่า ในการสั่งซื้อชุดตรวจนี้ ตนมีการตรวจสอบตั้งแต่ต้น และทราบว่าไม่ผ่าน FDA USA จึงได้สอบถามเพื่อนที่ทำคลินิกในเยอรมนี ทำให้ทราบกระบวนการขึ้นทะเบียนว่า หากไม่ได้มีแผนจัดจำหน่ายในประเทศนั้นๆ ทางบริษัทผู้ผลิตชุดตรวจก็จะไม่ได้ทำเรื่องขอขึ้นทะเบียนในประเทศนั้น และชุดตรวจ ATK ของ LEPU ของบริษัท Beijing Lepu Medical Technolog ได้ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน CE ยุโรป และวางจำหน่ายใน 24 ประเทศ ยืนยันเป็นสินค้าที่มีมาตรฐาน โดยราคาที่ชนะการประมูล ตนชนะมาได้ในราคา 2 บาทเท่านั้น ไม่ได้ชนะในราคาต่ำมากมาย ราคารวม VAT ตก 70 บาท และหากบอกว่า ของราคาถูกเป็นของไม่ดีไปหมดก็ไม่ใช่
ทั้งนี้ ในการสั่งซื้อดังกล่าว ตนได้มีการสั่งสินค้าล่วงหน้ามาใช้เองในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งจะมาถึงในวันจันทร์ที่ 16 ส.ค.นี้ โดยมีจำนวนชุดตรวจทั้งสิ้น 500,000 ชุด ยืนยันไม่เคยคิดประมูลงาน และได้งานจากภาครัฐ เพียงหวังเป็นส่วนหนึ่งช่วยให้ไทยเปิดประเทศได้อย่างรวดเร็ว ไม่เข้าใจว่าตนไปเกี่ยวข้องกับใครถึงได้เกิดปัญหาเช่นนี้ ส่วนตัวมองว่า หากมีการล้มประมูลก็ยังนำสินค้ามาขายปกติ แต่ก็อาจไม่ได้มีราคาถูกมากเท่ากับการสั่งซื้อที่ร่วมกับภาครัฐ อีกทั้งระบบตรวจสอบมาตรฐานของไทยก็มีมาตรฐาน หากคนในประเทศไม่เชื่อระบบก็ล่มสลายได้ พร้อมเผยส่วนแบ่งรายได้จากการจัดจำหน่ายนี้ ให้บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล 20% เท่านั้น. – สำนักข่าวไทย