สธ.ย้ำหญิงท้องเสี่ยงสูง รีบฉีดวัคซีน

กทม. 13 ส.ค.-สธ.ย้ำหญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ต้องได้รับวัคซีนป้องกันการเสียชีวิตเร่งด่วน พบหญิงตั้งครรภ์ติดโควิดแล้ว 1,993 คน เสียชีวิต 37 คน

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แถลงกรณีหญิงตั้งครรภ์กับโควิด-19 ว่า จากข้อมูลตั้งแต่ธันวาคม 63 ถึง 11 สิงหาคม 64 พบหญิงตั้งครรภ์แล้ว 1,993 คน เป็นคนไทย 1,315 คนต่างด้าว 678 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 10 คน มีทารกติดเชื้อ113 คน


จังหวัดที่พบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสูงสุดคือ กรุงเทพฯ รองลงมาปริมณฑล และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิต 37 คน ยังไม่รวมวันนี้ 13 สิงหาคม ที่เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 คน ที่จังหวัดชัยนาท และอุดรธานี มีทารกเสียชีวิต 20 คน แบ่งเป็นเสียชีวิตขณะคลอด 11 คน เสียชีวิตใน 7 วันแรก 9 คน มีหญิงตั้งครรภ์ได้รับวัคซีนเข็มแรก 7,935 คน เข็มที่สอง 574 คน

ในช่วงการระบาดระลอกแรกยังพบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อไม่มาก แต่ในการระบาดระลอกที่ 2 พบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ธันวาคม 63 ถึงปีนี้พบมากถึงเดือนละ 5-25 คน แต่พอระลอก 3 เมษายน -พฤษภาคม พบมากอย่างรวดเร็ว นับ 100 คนต่อเดือน กรกฎคมพบมากถึง 800 คน และพบหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตมากขึ้นตามลำดับ หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเสียชีวิตอยู่ในช่วงอายุ 20-34 ปี ร้อยละ 74.21% มากที่สุด พบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อจะเกิดภาวะปอดอักเสบ ร้อยละ 22.53 หรือ 449 คน


ที่น่าสังเกตพบหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ คลอดก่อนกำหนด 18% ซึ่งมากกว่าภาวะปกติ ที่อยู่ที่ 10% และยังพบทารกน้ำหนักน้อย ร้อยละ 16 มากกว่าปกติที่อยู่ที่ 8%

เมื่อวิเคราะห์หญิงตั้งครรภ์ 37 คนที่เสียชีวิต อยู่ในกรุงเทพฯ 7 คน ต่างจังหวัด 30 คน พบ 16 คนเสียชีวิตก่อนคลอด และ 16 คนเสียชีวิตหลังคลอด (ผ่าคลอดทุกราย) ไม่มีข้อมูล 5 ราย ส่วนใหญ่เสียชีวิตในช่วงท้องแก่ สาเหตุเสียชีวิตอันดับหนึ่งเกิดจากปอดอักเสบจากโควิด 35 คน อีก 2 คนเกิดจากรกลอกตัวก่อนกำหนดและน้ำคร่ำอุดกั้นปอด ด้านทารกหลังคลอด 16 ราย พบปกติ 6 ราย ติดเชื้อ 2 ราย เสียชีวิต 5 ราย

สำหรับภาวะเสี่ยงของหญิงตั้งครรภ์คือ อ้วน, มีอายุ 35 ปีขึ้นไป, เป็นเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ใช้สารเสพติดและอื่นๆ แหล่งสัมผัสเชื้อมาจากบุคคลในครอบครัวมากที่สุด, รองลงมาเป็นสถานที่ทำงาน, ตลาดและอื่นๆ ส่วนปัจจัยการเสียชีวิตอันดับหนึ่งมาจากข้อจำกัดภายในระบบบริการและการเข้าถึงบริการ


ดังนั้นการยกระดับมาตรการป้องกันและดูแลหญิงตั้งครรภ์ จึงต้องเน้นการผลักดันให้ได้เข้ารับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล และยกระดับการเข้าถึงบริการให้ได้มากที่สุด รวมทั้งส่งเสริมให้หญิงตั้งครรภ์ดูแลตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ให้มีการตรวจด้วยตัวเอง ATK ส่งเสริมให้ได้รับวัคซีนหลังตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์

ด้าน พล.อ.ท.นพ.การุณ เก่งสกุล ประธานราชวิทยาลัย สูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าเนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคที่ทำให้หลอดเลือดชำรุดเสียหาย ในจำนวนแม่ติดโควิดทั้งหมด 1,993 คน มีแม่ตายรวม 37 คนหรือ 1.85% ซึ่งอัตราตายของแม่โควิด มากกว่าอัตราตายของผู้ติดเชื้อปกติถึง 2 เท่า

ส่วนลูกติดโควิดจากแม่เป็นอัตรา 11.8% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ชัดเจนว่าแม่ต่างประเทศได้รับการฉีดวัคซีนมาก ทำให้ติดสู่ลูกน้อย จึงแนะนำให้แม่ตั้งครรภ์ฉีดวัคซีนไม่ต้องเลือกยี่ห้อ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานเบื้องต้นคุ้นเคยกับเชื้อไวรัส ตามเข็มสองด้วยวัคซีนต่างยี่ห้อ mix and match ที่มีการวิจัยยืนยันว่าได้ผลสร้างภูมิต้านทานแน่นอน ส่วนภูมิต้านทานจะอยู่นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน อย่างน้อยประมาณ 6 เดือน ซึ่งครบกำหนดคลอดพอดี

ส่วนประเด็นยารักษาโควิด จัดตามลำดับสากล ซึ่งกำหนดอย่างเด่นชัดว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ ห้ามใช้ในคนท้อง เป็นอันตราย ให้ใช้เรมเดซิเวียร์ เป็นยาฉีดในกรณีมีความจำเป็นโควิดรุนแรงลงปอด

ส่วนทำไมคนท้องเสียชีวิตสูง สาเหตุมาจากสรีระคนท้องมีน้ำคร่ำในช่องท้องมาก จะดันมดลูกขึ้น เกิดภาวะปอดแฟบในคนท้องง่าย ทำให้เกิดปัญหาการหายใจล้มเหลว การช่วยชีวิตเกิดขึ้นได้เมื่อช่วยให้ปอดมีประสิทธิภาพหายใจดีขึ้น ส่วนการคลอดแล้วลูกติดเชื้อ มาจากสาเหตุที่เชื้อโควิด-19 สามารถแพร่กระจายอยู่ในสารคัดหลัง ทั้งรก น้ำคร่ำ หรือน้ำนมแม่ จากข้อมูลพบมีลูกติดเชื้อจากแม่ 113 คน หรือ 11.8% เพราะแม่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นส่วนใหญ่

สำหรับความเชื่อเมื่อแม่ตายทั้งกลม หรือตายพร้อมลูก ควรผ่าตัดนำทารกออกมานั้น ตนก็แนะนำว่าไม่ควรทำ เพราะเป็นการทำให้เชื้อแพร่กระจายมากขึ้นไปอีก ส่วนประเด็นหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิต หรือลูกเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน ยังไม่ใช่ข้อสรุปทางการแพทย์ว่าวัคซีนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเพราะ ในร่างกายมีหลายโรคที่ซ่อนเร้นอยู่อาจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้ทั้งสิ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]