ตรวจโควิดเชิงรุก ‘พระภิกษุ-สามเณร-ปชช.’ วัดชลประทานฯ ด้วยชุด ATK

กทม .11 ส.ค.-“ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน” เปิดปฏิบัติการตรวจโควิด-19 เชิงรุก แก่พระภิกษุสงฆ์-สามเณร-ประชาชน ในพื้นที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ “แพทย์หัวหน้าทีม” ระบุ หากผลเป็นบวก สามารถเข้าระบบการดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชน ได้

คณะผู้บริหารสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นำโดย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช., นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการ สปสช. และ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. ลงพื้นที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2564 เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกโควิด-19 ให้กับพระภิกษุสามเณร และบุคลากรวัดชลประทานรังสฤษฏ์ โดยมี ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นทีมตรวจ


สำหรับการตรวจคัดกรองเชิงรุกครั้งนี้ ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ที่ 500 ราย แต่ได้มีการประเมินเผื่อไว้ในกรณีที่มีพระสงฆ์ สามเณร และประชาชนนอกพื้นที่ที่จะเข้ามาตรวจด้วย โดยคาดว่าจะมีทั้งสิ้นประมาณ 800 ราย ซึ่งได้มีการเตรียมชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) เพื่อรองรับอย่างเพียงพอ

พระปัญญานันทมุนี (สง่า สุภโร) เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ จ.นนทบุรี กล่าวว่า การตรวจคัดกรองเชิงรุกในครั้งนี้มีการปรึกษากันว่าจะต้องทำให้สมบูรณ์ เมื่อมีการตรวจแล้วพบเป็นบวกแต่ไม่มีอาการก็สามารถรักษาตามระบบได้ ขณะนี้วัดกู้ จ.นนทบุรี ก็ได้มีการจัดตั้งศูนย์พักคอย (Community isolation) รองรับได้ 60 เตียงและกำลังรอการขยาย ในกรณีถ้าเป็นสีแดงโรงพยาบาลชลประทานก็จะเข้าไปดูแล และมีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผู้อุปถัมภ์ รวมไปถึงเทศบาลนครปากเกร็ดลงพื้นที่เข้าไปบริการดูแล


“ถ้าทำแบบนี้ได้การใช้วัดก็จะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าจะเอาคนป่วยมาให้พระดูแล โดยที่พระเองก็ไม่รู้ ก็จะทำให้ยิ่งพัวพันโดยไม่จำเป็น” พระปัญญานันทมุนี กล่าว

พระปัญญานันทมุนี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านเคยมีการตรวจคัดกรองในวัดแล้ว และพบว่าผู้ที่เข้ามาช่วยเหลืองานในวัดนั้นครอบครัวติดเชื้อโควิด-19 3 ราย ด้วยการจัดการยังไม่เป็นระบบที่ถูกต้อง และไม่มีการตอบรับ ทำให้ผู้ป่วยต้องรอถึง 8 วันเนื่องจากระบบไม่เอื้ออำนวย

สำหรับสิ่งที่อยากเห็นคือ สปสช. เทศบาลนครปากเกร็ด โรงพยาบาลชลประทาน และคณะสงฆ์ จ.นนทบุรี ลุกขึ้นมาตรวจเชิงรุกมากกว่าการตั้งรับแบบไม่มีอนาคต รวมไปถึงถ้าในชุมชนสามารถขยายให้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้หมดพระสงฆ์ก็จะได้ไปด้วย เพราะพระไม่ได้เรียกร้องสิทธิเฉพาะตนเองเท่านั้น


“อาตมาไม่อยากแยกว่าพระรอด ประชาชนต้องไม่รอด เราไม่อยากเห็นคนตายและวัดต้องทำหน้าที่เผา สุดท้ายไม่อยากเห็นแต่ก็ต้องเห็น การตรวจคัดกรอง มียาที่ใช้ดูแล และมีระบบอุปถัมภ์ อาตมาอยากเรียกร้องตรงนั้นมากกว่า” พระปัญญานันทมุนี กล่าว

นพ.ธนวัฒน์ อุณหโชค รองผู้อำนวยการฝ่ายสำนักศูนย์ ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดเผยว่า วัดชลประทานฯ เป็นพระอารามหลวง มีพระภิกษุสงฆ์และสามเณรทั้งที่อยู่ประจำและเวียนเข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก ทางพระปัญญานันทมุนี (สง่า สุภโร) เจ้าอาวาสวัดชลประทานสฤษดิ์ เห็นว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ได้ จึงอยากให้มีการตรวจคัดกรองเชิงรุก ซึ่งจะครอบคลุมทั้งพระสงฆ์ สามเณร ประชาชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับวัด ตลอดจนประชาชนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่วัด

นอกจากนี้ ทางเจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ ยังได้ปรึกษากับรองเจ้าคณะจังหวัดเพื่อประกาศเชิญพระสงฆ์และสามเณรใน จ.นนทบุรี ที่ต้องการตรวจคัดกรอง ให้เดินทางมาตรวจได้ที่วัดชลประทานฯ โดยการตรวจครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างวัดชลประทานฯ เทศบาลนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี โรงพยาบาลชลประทาน และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

นพ.ธนวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับพระสงฆ์และสามเณรที่ตรวจคัดกรองแล้วมีผลเป็นบวก (ติดเชื้อ) หากเป็นกลุ่มอาการสีเขียวและได้รับการประเมินแล้วว่าสภาพกุฏิหรือสภาพแวดล้อมมีความเหมาะสม ก็สามารถรักษาตัวผ่านระบบ Home isolation ได้ แต่ถ้าไม่เข้าเกณฑ์ก็จะมีการส่งต่อไปรักษาด้วยระบบ Community isolation ที่วัดกู้ จ.นนทบุรี ซึ่งกำลังพัฒนาเป็น Community isolation สำหรับพระสงฆ์และสามเณรโดยเฉพาะ ส่วนกรณีที่เป็นพระสงฆ์และสามเณรที่อยู่นอกพื้นที่ก็จะมีระบบส่งต่ออย่างเป็นระบบต่อไป

สำหรับประชาชน ได้มีการประสานการทำงานกับเทศบาลนครปากเกร็ด โดยผู้ที่ผลตรวจเป็นบวกและอยู่ในกลุ่มอาการสีเขียวที่อยู่ในพื้นที่ปากเกร็ด ก็สามารถเข้ารักษาด้วยระบบ Home-Community isolation ได้ทันที แต่ในกรณีที่เป็นประชาชนนอกพื้นที่ ก็จะมีการประสานงานกับทาง สปสช. เพื่อส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตามระบบต่อไป

“การตรวจคัดกรองครั้งนี้ทาง สปสช. ได้มีการสนับสนุนยาฟาวิพิราเวียร์ และฟ้าทะลายโจร รวมไปถึงโรงพยาบาลชลประทานก็เตรียมอุปกรณ์ เช่น ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนในเลือดแบบปลายนิ้ว และอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นเพื่อรองรับผู้ป่วยทั้งพระสงฆ์ และประชาชนในกรณีต้องรักษาตัวด้วยระบบ Home isolation” นพ.ธนวัฒน์ กล่าว

ด้าน นพ.จเด็จ กล่าวว่า การตรวจคัดกรองเชิงรุกนี้ นอกจากทำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถเข้าถึงการตรวจได้ง่ายแล้ว หากกรณีพบผลเป็นบวกก็ยังทำให้ผู้ป่วยสามารถลงทะเบียนเข้าระบบ Home Isolation ได้ทันที และหากมีอาการก็จะมีการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการของผู้ป่วยเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง

สำหรับการเข้าระบบ Home Isolation สามารถทำได้ 2 วิธี คือผ่านสายด่วน สปสช. 1330 กด 14 และลงทะเบียนเข้าระบบผ่านเว็บไซต์ https://crmsup.nhso.go.th/ โดยขณะนี้สายด่วน 1330 มีการเพิ่มคู่สายเป็น 2,100 คู่สายต่อวัน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง หรือหากในกรณีที่คู่สายเต็ม เบอร์ที่โทรเข้ามาก็จะถูกเข้าคิวไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการติดต่อกลับในภายหลัง

นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ สปสช. อยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาชุดตรวจ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด เพื่อแจกให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ด้วยเอง ในช่วงเดือน ส.ค. – ก.ย. นี้ และหากไม่เพียงพอก็จะจัดหาเพิ่มเติมควบคู่ไปกับการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ด้วย โดย สปสช. พร้อมสนับสนุนการตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK อย่างเต็มที่ เพื่อที่จะแยกตัวผู้ป่วยออกมาดูแลรักษาได้อย่างเร็วที่สุด

สำหรับหน่วยบริการหรือคลินิกเอกชนที่ร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มสีเขียวในระบบ HI หรือให้บริการตรวจคัดกรองด้วยชุด ATK สามารถเบิกค่าบริการจาก สปสช.ได้ โดยกรณีตรวจด้วยเทคนิค Chromatography จ่ายตามจริงไม่เกิน 450 บาท/ครั้ง และกรณีตรวจด้วยเทคนิค Fluorescent Immunoassay (FLA) จ่ายตามจริงไม่เกิน 550 บาท/ครั้ง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]