สำนักข่าวไทย 5 ส.ค.-ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ รับสถานการณ์เด็กติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพบเด็กป่วย 14% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กโต 15 ปีขึ้น เพราะความสามารถในการแพร่โรคเท่าผู้ใหญ่ ส่วนเด็กเล็กแพร่เชื้อน้อย เพราะเตี้ย ไอไม่แรง เชื้อจึงตกแค่ขา รับการมียาน้ำฟาวิพิราเวียร์ ช่วยให้เด็กทานง่ายขึ้น พร้อมห่วงโควิด ทำอนาคตคลอน เพราะเด็กติดเกม ไม่ออกกำลังกาย ทำให้กลายเป็นเด็กเตี้ย อ้วน
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวยอมรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กไทยเพิ่มสูงขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการพบการติดเชื้อในผู้ใหญ่ที่เพิ่มขึ้น โดยมีอัตราการป่วยประมาณ 60,000 คน หรือคิดเป็น 14% อายุเฉลี่ยของเด็กที่ติดเชื้อ พบในเด็กโต ประมาณ 15 ปีขึ้นไป
ส่วนในเด็กเล็กส่วนแม้ติดเชื้อแต่อัตราการแพร่ยังน้อย เนื่องจากภูมิต้านทานดี เพราะประกอบกับเด็กเล็กตัวเตี้ย ไอไม่แรง ทำให้เชื้อมักตกลงที่ขาของเด็กมากกว่า ผิดกับเด็กโต ที่ตัวสูงและไอแรง ทำให้มีอัตราการเด็กป่วย ต้องนอน รพ.ประมาณ 1 %
ส่วนอัตราการเสียชีวิตในเด็กยังพบน้อย ประมาณ 6-7 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีโรคประจำตัว ทั้งหัวใจ และปอด หรือดาวน์ซินโดรม หรือ ออสทิสติก
ทั้งนี้ การรักษาโควิดในเด็กเดิมใช้วิธีบดยา แต่เมื่อมียาน้ำฟาวิพิราเวียร์ คาดว่าจะทำให้การรักษาง่ายขึ้น เพราะเด็กกินยาได้สะดวก แต่การให้ยาในเด็กต้องให้อย่างรวดเร็วทันที เพื่อฆ่าเชื้อไวรัส อีกทั้งยังย้ำว่าการขณะนี้การให้วัคซีนในเด็ก ยังไม่มีความจำเป็นเท่าผู้กับใหญ่ ที่พบว่าอัตราการป่วยรุนแรง เนื่องจากเด็กมีภูมิต้านทานที่ดี เป็นกลไกของธรรมชาติของเด็กที่ ในการเจริญเติบโตต้องเผชิญกับโรคใหม่ ร่างกายจะปรับตัวได้ดีกว่าคนสูงอายุ
“สิ่งที่น่าเป็นห่วงในช่วงสถานการณ์โควิดนี้ สำหรับเด็ก คือเรื่องของพัฒนาการ เพราะเด็กที่เติบโตในช่วงโควิด จะต้องมีการเรียนแบบออนไลน์ ทำให้มีความเหลื่อมล้ำ ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ หรือไวไฟ ที่เกี่ยวข้องและเป็นข้อจำกัดในการเรียน และยังต้องเผชิญกับ ปัญหาเรื่องติดเกม ทำให้ในอนาคต เด็กที่เติบโตในช่วงนี้ อาจกลายเป็นเด็ก อ้วน เตี้ย เพราะขาดการออกกำลังกาย และติดเชื้อ เพราะอยู่หน้าจอมากขึ้น ในประเทศอินเดีย ที่สถานการณ์โควิดรุนแรง พบว่ามีเด็กออกจากการเรียนกลางคันจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอนาคตของชาติ มาก” ศ.นพ.สมศักกดิ์ กล่าว -สำนักข่าวไทย