กรมควบคุมโรค 4 ส.ค.-กรมควบคุมโรค เร่งสอบสวนโรค ค้นหาผู้ป่วย แยกกลุ่มเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ ลดการแพร่กระจายเชื้อในชุมชน และกระจายวัคซีนให้ทุกจังหวัด เร่งฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อลดอาการป่วยที่รุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิต
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด 19 จากเชื้อสายพันธุ์เดลตา ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่พบผู้ป่วยจำนวนมาก รวมทั้งในต่างจังหวัดจากผู้ป่วยที่เดินทางกลับไปรักษาที่บ้าน ซึ่งวันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่กว่า 20,000 ราย จึงต้องเร่งดำเนินการค้นหา คัดกรองผู้ติดเชื้อ โดยมีทีมปฏิบัติการสอบสวนโรค (Operation) ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัด และกทม. เพื่อค้นหาผู้ป่วยเพิ่ม และแยกผู้สัมผัสเสี่ยงสูง/เสี่ยงต่ำ ให้เข้าระบบการเฝ้าระวัง ควบคุมการแพร่กระจายเชื้อให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคได้เร่งกระจายวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆ ตามการจัดสรรของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ โดยในเดือน ส.ค.นี้ จะทยอยส่งวัคซีนให้จังหวัดจำนวน 10 ล้านโดส เพื่อฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และเพิ่มกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่มีโรคประจำตัว เพื่อลดอาการป่วยที่รุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิต รวมทั้งฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรการแพทย์และบุคลากรด่านหน้า ซึ่งจะจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ไปให้จังหวัดในสัปดาห์นี้
สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ด้วยตนเองด้วยชุดทดสอบแอนติเจน เทสต์ คิท (Antigen Test Kit : ATK) เป็นการตรวจหาเชื้อเบื้องต้นที่ช่วยให้รู้ผลได้เร็วขึ้น เพื่อให้ผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาได้อย่างรวดเร็ว เป็นไปตามแนวทางของกรมการแพทย์ โดยหากผลATKเป็นบวก เรียกว่าผู้ติดเชื้อเข้าข่าย สามารถรับยาและรักษาแบบแยกกักตัวที่บ้านได้ทันที หากต้องเข้าแยกกักตัวในชุมชนหรือในสถานพยาบาล ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายควรได้รับการตรวจด้วยวิธี RT-PCR คู่ขนาน และระหว่างรอผลตรวจยืนยันจะต้องพยายามแยกออกจากผู้ป่วยโควิด 19 เนื่องจากผลตรวจด้วย ATK ให้ผลบวกลวงได้ (ร้อยละ 3-5) ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422 .-สำนักข่าวไทย