ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ย้ำไม่มีเรียกรับเงินทุกกรณี

กทม. 1 ส.ค.-ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ ย้ำศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ไม่มีเรียกรับเงินทุกกรณี พร้อมร่วมมือ 4 ค่ายมือถือ แก้ไขปัญหาทุจริตการลงทะเบียนวัคซีน โดยเพิ่มขั้นตอนการตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลส่วนกลาง

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง และผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เปิดเผยว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคม โดยให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยมีสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานให้บริการฉีดวัคซีนร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ มีจำนวนผู้รับบริการ 10,000-30,000 คนต่อวัน ที่ผ่านมามีการดำเนินการใน 2 รูปแบบหลักในสองระยะ คือ


  1. การจองคิวล่วงหน้า (Advance booking) โดยเปิดให้ลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้าผ่าน 4 ค่ายมือถือ และการนัดล่วงหน้าขององค์กรขนาดใหญ่ อาทิ กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ เป็นหลัก ซึ่งเป็นรูปแบบหลักของการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 24 พฤกษภาคม ถึง 29 มิถุนายน 2564 โดยการจองคิวล่วงหน้าดังกล่าว ทางศูนย์ฯ จะได้รับข้อมูลของผู้มารับบริการและจัดทำเป็นฐานข้อมูลเพื่อรับการลงทะเบียนล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว ทำให้ในวันที่ผู้จองคิวมารับบริการจริงจะไม่ต้องเพิ่มข้อมูลหน้างาน เพียงแต่บริการลงทะเบียนเข้ารับบริการจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น หากข้อมูลเดิมผิดพลาด เช่น เลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ หรือเบอร์โทรไม่ถูกต้อง จึงจะมีการแก้ไข/เพิ่มเติม ซึ่งในแต่ละวันจะเกิดขึ้นไม่มากนัก โดยจะให้สิทธิในการแก้ไขข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ IT ของกรมการแพทย์ และสถาบันโรคผิวหนังในการดำเนินการแก้ไข/เพิ่มเติมข้อมูลดังกล่าวประมาณ 10 ท่านเท่านั้น
  2. การเปิดบริการแบบ walk-in หรือ on site registration ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ที่เปิดให้ผู้สูงอายุ 75 ปีขึ้นไป สามารถเข้ารับบริการโดยไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า และต่อเนื่องมาจนถึงเดือนกรกฎาคมทั้งเดือนที่เปิดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีน้ำหนักมากกว่า 100 กก. และคนท้อง 12 สัปดาห์ขึ้นไป สามารถเข้ารับบริการแบบ Walk-in ด้วยเช่นกัน โดยในช่วงนี้ ทางศูนย์ฯ จะไม่มีข้อมูลเดิมของผู้รับบริการเลย ต้องลงทะเบียนหน้างานใหม่ทั้งหมด ทำให้จำเป็นต้องเปิดสิทธิให้จิตอาสาที่มาทำหน้าที่ในส่วนการลงทะเบียนที่มีอยู่มากกว่า 200 จุดสามารถเพิ่ม/แก้ไขข้อมูลของผู้รับบริการได้ทั้งหมด โดยมีจิตอาสาหมุนเวียนและได้รับสิทธิในการดำเนินการดังกล่าวเป็นจำนวนมากจนเกิดช่องทางให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์ฯ ได้มีการเฝ้าระวังตลอดจนเก็บข้อมูลเชิงสถิติทั้งสำหรับการทำงานที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานในแต่ละวัน ตลอดจนตรวจสอบภาระงานที่ต้องทำในอนาคตอยู่เสมอ จึงทำให้ตรวจพบความผิดปกติในการนัดหมายล่วงหน้าที่คาดว่าอาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น โดยได้ตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ที่พบพิรุธหลักๆ 2 ประการคือ ประการแรก พบว่ามีจำนวนการนัดล่วงหน้าสูงกว่าปกติที่เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ ได้นำเข้าสู่ระบบฐานข้อมูล โดยเริ่มพบตัวเลขผิดปกติในหลักสิบในช่วงวันที่ 20-27 กรกฎาคม และเพิ่มจำนวนนัดมากกว่าปกติเป็นหลักพันในวันที่ 28-31 กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเปิดรับการบริการแบบ walk-in ส่วนประการที่ 2 เป็นความผิดปกติของช่วงเวลาในการ upload ข้อมูลการนัดล่วงหน้าเข้าสู่ระบบ โดยพบว่า ในช่วงสัปดาห์ดังกล่าวซึ่งทางศูนย์ฯ ได้งดรับการนัดล่วงหน้าจากองค์กรภายนอกเกือบทั้งหมด(ยกเว้นบางหน่วยงาน เช่น การนัดของกระทรวงต่างประเทศซึ่งได้ส่งนัดหมายการฉีดวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุต่างชาติวันละประมาณ 400 คนเท่านั้น) และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในเวลา 18.00 น. ของแต่ละวันแล้ว แต่พบว่ายังมี Upload ส่งข้อมูลนัดหมายล่วงหน้าอีกในเวลาหลัง 22.00 น.ของทุกวันอยู่อีก ประกอบกับทางศูนย์ฯ ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการซื้อขายเพื่อรับคิวการฉีดวัคซีนจากประชาชนเป็นจำนวนมากพอสมควร จึงได้ทำการตรวจสอบและพบว่า มีการเพิ่มจำนวนนัดล่วงหน้าโดยทุจริตจาก Users 19 login ซึ่งอยู่ในกลุ่มจิตอาสาที่ได้รับการเพิ่มสิทธิในการนำเข้า/แก้ไขข้อมูลผู้รับบริการในช่วงเปิดบริการแบบ walk-in

ทางศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ จึงได้วางแผนจับกุมเพื่อสืบให้ได้ถึงผู้กระทำผิดรายใหญ่/ทั้งหมดนี้ โดยดำเนินการในวันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่มีคิวนัดล่วงหน้าเพิ่มมากกว่าปกติกว่า 2,000 คน ทางศูนย์ฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์ขุดบ่อล่อปลาให้ผู้ที่ซื้อคิวโดยทุจริตเหล่านี้เดินทางมารับบริการที่ศูนย์ฯ เมื่อตรวจเช็คแล้วว่าเริ่มมีการลงทะเบียนไปประมาณ 600 คน จากจำนวน 2000 กว่าคนนั้น ทางศูนย์ฯ จึงแจ้งยกเลิกคิวการฉีดของทั้งสองพันกว่าคนนั้นทั้งหมด เพื่อบีบให้คนเหล่านี้แสดงตัวขอความช่วยเหลือ/ร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ โดยได้จัดสถานที่ไว้เป็นการเฉพาะ พร้อมทั้งให้ พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้เข้าไปชี้แจง/ขอความร่วมมือเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลของตัวการผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทุจริตในครั้งนี้ โดยสามารถรวบรวมผู้ทำนัดโดยทุจริตนี้ได้มากกว่า 300 คนซึ่งได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดีต่อไปอย่างยิ่ง โดยข้อมูลจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า การซื้อคิวนัดดังกล่าว มีทั้งซื้อเอง ญาติหรือนายจ้างซื้อให้ และมีการจ่ายเงินทั้งแบบเงินสดและการโอนเงินในอัตรา 400-1200 บาทต่อคิว ซึ่งขณะนี้ทางศูนย์ฯ ได้รับข้อมูลรายชื่อและเลขที่บัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวแล้ว จึงได้ให้นิติกรกรมการแพทย์เป็นผู้แทนในการดำเนินการแจ้งความต่อตำรวจ สน.นพวงศ์ ในฐานะผู้เสียหายต่อไปแล้ว


ในขณะนี้ ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้ดำเนินการสอบสวนเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตลอดจนจิตอาสาทั้ง 19 คนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ขอความร่วมมือกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อสอบสวนหาหลักฐานเชิงลึกและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

เพื่อเป็นการแก้ไข/ป้องกันการเกิดทุจริตดังกล่าวในอนาคต ทางศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ได้ดำเนินการดังต่อไปนี้ คือ

  1. ได้ยกเลิกนัดล่วงหน้าที่ผิดปกติซึ่งตรวจพบระหว่างวันที่ 28-31 กรกฎาคม ทั้งหมด
  2. ยกเลิก login-users เดิมทั้งหมดและให้สิทธิในการเพิ่มเติม/แก้ไขข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ IT ภายในของกรมการแพทย์และสถาบันโรคผิวหนังเท่านั้น
  3. ปิดระบบทำการทั้งหมดในช่วงกลางคืนเพื่อป้องกันการ vpn เข้ามาทำการนอกเวลางาน
  4. ตรวจสอบข้อมูลความผิดปกติของการนัดล่วงหน้าและการนำเข้าข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้ได้ยกเลิกการนัดผิดปกติเพิ่มเติมถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2564 แล้ว

ทางกรมการแพทย์และศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ขอขอบคุณจิตอาสาตลอดจนผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทั้ง 4 แห่ง (Operator) ที่ให้การช่วยเหลือมาโดยตลอด และพร้อมร่วมมือกันต่อไป โดยขอย้ำกับประชาชนว่าการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ไม่มีการเรียกรับเงินทุกกรณี และหากจะมีเบาะแสการทุจริตใดๆ ก็ตาม โปรดแจ้งให้ทางศูนย์ฯ ทราบเพื่อที่จะได้ดำเนินการจับกุมและแก้ไขต่อไปดังเช่นกรณีนี้ จะเป็นพระคุณยิ่ง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย