รพ.สิชล พร้อมรับผู้ป่วยโควิดใน กทม.เพิ่ม

สปสช. 30 ก.ค.-รพ.สิชล พร้อมรับดูแลเพิ่มผู้ป่วยโควิด-19 ใน กทม.ที่ยังตกค้างในระบบสายด่วน 1330 ในกรณีที่คลินิกชุมชนอบอุ่นยังไม่พร้อมรับดูแลทำ home isolation เผยผู้ป่วยชุดแรกที่แอดมิทจะเริ่มจำหน่ายออกจากระบบในอีก 6-7 วันข้างหน้า ด้าน สปสช.ย้ำแม้จะได้ รพ.สิชล มาช่วย แต่ก็ยังต้องการให้คลินิกใน กทม.รับดูแลผู้ป่วยให้มากขึ้น


นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงกรณีที่โรงพยาบาลสิชลรับดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่ กทม. ที่ตกค้างในระบบของสายด่วน 1330 ไม่สามารถหาหน่วยบริการมาดูแลได้ โดยเป็นการดูแลแบบ home isolation และติดตามอาการผ่านระบบสื่อสารทางไกลนั้น นพ.อารักษ์ ระบุว่ากรณีนี้เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในช่วงที่โรงพยาบาล/คลินิกชุมชนอบอุ่นใน กทม.ยังไม่สามารถรับดูแลผู้ติดเชื้อได้หมดจนมีผู้ป่วยตกค้างเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ หากหน่วยบริการใน กทม.เริ่มปรับระบบและมีความพร้อมในการรับดูแลผู้ป่วยมากขึ้น ก็สามารถเข้ามารับผ่องถ่ายผู้ป่วยได้เลย อย่างไรก็ดี หากหน่วยบริการใน กทม.ยังไม่พร้อมรับดูแลผู้ป่วยและมีผู้ติดเชื้อตกค้างอยู่ในระบบทุกวัน ทางโรงพยาบาลสิชลก็ยินดีรับผู้ป่วยมาดูแลเพิ่ม เพราะผู้ป่วยชุดแรกที่เริ่มแอดมิดตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. 2564 จะเริ่มจำหน่ายออกจากระบบในอีกประมาณ 6-7 วันข้างหน้า

นพ.อารักษ์ กล่าวถึงกระบวนการดูแลผู้ป่วยว่า จุดเริ่มต้นในการรับดูแลผู้ติดเชื้อใน กทม.นั้น ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ติดต่อมาว่าขณะนั้นมีผู้ป่วยตกค้างในระบบ 1330 ที่ยังไม่มีโรงพยาบาลรับดูแลแบบ home isolation เป็นจำนวนมาก ทางโรงพยาบาลจึงหารือกับทีมงานเพื่อดูถึงความเป็นไปได้ในการรับดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้และรับจาก สปสช.มาประมาณ 6,000 คน ซึ่งในช่วงแรกปรากฎว่านอกจากคนที่ยังไม่มีโรงพยาบาลรับดูแลแล้ว ยังมีอีกส่วนที่แค่สอบถามเข้ามาเฉยๆ หรือได้เตียงแล้ว หรือรักษาหายกลับบ้านแล้ว ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลผู้ป่วยถูกต้องแม่นยำ โรงพยาบาลจึงทำ google form ให้คนไข้ยืนยันตัวตนและกลั่นกรองคนที่ได้เตียงแล้วหรือไม่ได้ป่วยออกไป จนสุดท้ายเหลืออยู่ประมาณ 3,000 คน จากนั้นก็ส่งข้อความโทรศัพท์สอบถามว่าต้องการเข้าโครงการ home isolation กับโรงพยาบาลสิชลหรือไม่


นพ.อารักษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อผู้ป่วยตอบรับแล้วก็จะสื่อสารตอบคำถาม ให้คำแนะนำต่างๆ ผ่านทาง line official account โดยมีแอดมิน 2 ทีม ทีมแรกอยู่ กทม. ประมาณ 10 คน สำหรับจัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ประสานงานหาเตียงกรณีผู้ป่วยอาการแย่ลง รวมทั้งจัดการเรื่องการส่งยาต่างๆ 2.ทีมที่ 2 ประมาณ 100 คน ให้คำปรึกษาแนะนำต่างๆแบบ real time อยู่ที่โรงพยาบาลสิชล แต่ละวันจะมีแบบสอบถามเพื่อประเมินอาการเบื้องต้น เช่น ไม่มีอาการ อาการเล็กน้อย หรือเริ่มเข้าสู่ระดับอาการที่รุนแรงมากขึ้น เจ้าหน้าที่ก็สามารถโทรไปพูดคุยกับผู้ป่วยรายนั้นโดยตรง

“ยกตัวอย่างมีรายหนึ่งไลน์มาบอกว่ายังไม่ได้รับยา หายใจไม่ออก ตอนนั้นเป็นวันหยุดยาวหารถไปรับไม่ได้ เราก็ให้ทีมงานที่อยู่ที่ กทม.ขับรถไปส่งยาให้ทันทีตอน 4 ทุ่ม หลังได้ยาอาการก็เริ่มดีขึ้น ความรู้สึกของผู้ป่วยคือเหมือนมีคนอยู่เคียงข้างเขา ไม่ถูกทอดทิ้ง”นพ.อารักษ์ กล่าว

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า การทำ home isolation จริงๆ แล้ว สปสช.ต้องการให้คลินิกชุมชนอบอุ่นใน กทม.รับดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ใกล้เคียงของตัวเอง แต่เนื่องจากยังมีประเด็นเรื่องความพร้อม ทำให้คลินิกชุมชนอบอุ่นรับดูแลได้ไม่หมดและมีผู้ป่วยตกค้างจำนวนมาก การได้โรงพยาบาลสิชลเข้ามารับดูแลผ่านระบบ tele health ก็ทำให้เคลียร์ผู้ป่วยตกค้างไปได้จำนวนหนึ่ง อย่างน้อยคือมีมีการส่งยา อาหารให้ ทำให้ผู้ป่วยสบายใจว่ามีคนดูแล แต่ สปสช.ก็ยังต้องการให้คลินิกใน กทม. รับผู้ป่วยไปดูแลมากๆ ดังนั้นก็ขอประชาสัมพันธ์คลินิกเอกชนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. เข้ามาร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยวันที่ 3 ส.ค. 2564 สปสช.จะมีการประชุมออนไลน์เพื่อชี้แจงรายละเอียดและรับสมัครคลินิกที่สนใจ


นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า ประเด็นสำคัญที่จะทำให้ home isolation สมบูรณ์และเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้ป่วย คือถ้าผู้ป่วยอาการรุนแรงขึ้นจากสีเขียวไปเป็นสีเหลืองหรือแดงต้องมีเตียงรองรับ ขณะนี้ทาง สปสช.อยู่ระหว่างเจรจากับโรงพยาบาลอื่นๆโดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนเพื่อขอให้สำรองเตียงไว้ในกรณีผู้ป่วย home isolation มีอาการรุนแรงขึ้น รวมทั้งมองหาสถานที่ในปริมณฑลเพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง โดยขอเวลาอีก 1-2 วัน ในการเตรียม fast track เหล่านี้ให้แล้วเสร็จ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย

รวมพลังหยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตคนลุ่มน้ำชายแดน

5 มิ.ย. – วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งขณะนี้ผู้คนตามลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมา ทางภาคเหนือของไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อม หลัง 2 เดือนมานี้พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกกและน้ำสาย รวมถึงแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่หลายแห่งบริเวณต้นน้ำในเมียนมา วันนี้ชาวเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการเจรจาให้หยุดเหมืองพิษและคืนชีวิตให้กับลุ่มน้ำต่างๆ .-สำนักข่าวไทย

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย