สปสช.เผยมีผู้ติดเชื้อโควิดเข้าระบบการดูแลที่บ้าน-ชุมชน แล้ว 3.9 หมื่นราย

กรุงเทพฯ 29 ก.ค.-สปสช.สร้างความมั่นใจให้ ‘คลินิกชุมชนอบอุ่น’ ปรับแนวทางการจ่ายเงินหนุนรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าสู่การดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชน (Home-Community isolation) พร้อมเดินหน้าจัดซื้อชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit แจกจ่ายประชาชน


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า สปสช.ได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งคลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์บริการสาธารณสุข และโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน เรื่องระบบการเบิกจ่ายเงินในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้านหรือที่ชุมชน (Home-Community isolation) ไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 ก.ค.64 ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการรับตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าระบบการรักษาตัวที่บ้านหรือที่ชุมชน (Home-Community isolation) ของคลินิกชุมชนอบอุ่นได้ เพราะที่ผ่านมาคลินิกชุมชนอบอุ่นอาจยังไม่มั่นใจในเรื่องนี้

นพ.จเด็จ กล่าวว่า ขณะนี้ สปสช.ได้ปรับระบบการจ่ายเงินใหม่ โดยหากหน่วยบริการตอบรับพร้อมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ขึ้นทะเบียนรักษาผ่านระบบการดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชน (Home-Community isolation) ด้วยการให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 พิสูจน์ตัวตน (Authentication Code) ผ่านระบบออนไลน์ด้วยบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด หรือตามแนวทางที่ สปสช.กำหนดแล้ว ทาง สปสช. ก็จะโอนเงินเบื้องต้นเหมาจ่ายในอัตรา 3,000 บาท/ราย ให้แก่หน่วยบริการ โดยจะโอนทุกสัปดาห์


“ถ้าเป็นระบบปกติ หน่วยบริการจำเป็นต้องให้บริการรักษาผู้ป่วยจนครบก่อน จึงจะสามารถเบิกเงินกับทาง สปสช.ได้ และอาจต้องรออีก 2 สัปดาห์ จึงจะได้รับเงิน ฉะนั้นการปรับกระบวนการดังกล่าวนี้จะเป็นกลไกช่วยสนับสนุนให้หน่วยบริการบางแห่งที่ไม่มีกระแสเงินสด เพราะในวันแรกจะต้องมีการส่งอาหาร ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล เครื่องวัดออกซิเจนที่ปลายนิ้วให้กับผู้ป่วย ฉะนั้นเงิน 3,000 บาท จะเป็นงบเบื้องต้นที่ช่วยให้หน่วยบริการมีกระแสเงินสดหมุนเวียนในการให้บริการ” นพ.จเด็จ กล่าว

นพ.จเด็จ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงแรกมีหน่วยบริการเข้าร่วมโครงการ 104 แห่ง จากทั้งหมดกว่า 200 แห่ง และจากข้อมูลเมื่อวันที่ 29 ก.ค.64 พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่หน่วยบริการตอบรับและนำเข้ารักษาด้วยระบบการดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชนแล้ว จำนวน 39,500 ราย จึงอยากจะขอความร่วมมือกับหน่วยบริการ โดยเฉพาะคลินิก ให้รับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พักอาศัยอยู่ในละแวกเข้าระบบ ส่วนผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้อยู่ใกล้คลินิกก็สามารถรับบริการได้ เนื่องจากมีการใช้ระบบติดต่อผู้ป่วยทางไกล เช่น Video call หรือ Line official

“เราได้มีการทดลองมาแล้วกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ดังนั้นก็จะสื่อสารกับทางคลินิกว่า แม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ แต่ถ้าคลินิกมีความสนใจ หรืออยากจะรับเพิ่ม ก็จะมีการจัดผู้ป่วยให้ เพราะหลักๆ แล้วจะเป็นเรื่องอาหารและยา ซึ่งขณะนี้ได้ใช้การส่งแบบเดลิเวอรี รวมถึงการติดตามผู้ป่วยผ่าน Video call ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กันก็ได้” นพ.จเด็จ กล่าว


นพ.จเด็จ กล่าวด้วยว่า ในช่วงแรกคาดการณ์ว่า คลินิก 1 แห่ง สามารถบริการผู้ป่วยได้ประมาณ 20-30 ราย ต่อบุคลากรทางการแพทย์ 1 คน แต่จากการประเมินในขณะนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าสามารถเพิ่มจำนวนผู้ป่วยเป็นหลักร้อยได้ เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการติดตาม-ดูแลผู้ป่วย

ทั้งนี้ จากการนำร่องใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ในการตรวจเชิงรุกนั้นได้ผลค่อนข้างดี โอกาสที่จะเกิดผลบวกปลอมมีต่ำกว่า 3% จึงทำให้ความมั่นใจได้ว่า ชุดตรวจนี้มีความถูกต้อง และในขณะนี้จะใช้ชุดตรวจดังกล่าวเป็นมาตรฐานเบื้องต้นตามมติคณะกรรมการควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และผู้ติดเชื้อสามารถเข้าระบบ Home isolation ได้โดยไม่จำเป็นต้องถามหาผลตรวจ RT-PCR เพื่อยืนยัน ส่วนผู้ป่วยต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลผู้รับจะใช้วิจารณญาณในการจะตรวจ RT-PCR เพื่อยืนยันได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตรวจด้วยวิธี RT-PCR ก่อนถึงจะได้รับบริการ

อย่างไรก็ตาม ชุดตรวจ ATK ที่จะแจกจ่ายให้กับประชาชนใน 2 เดือนนี้ มีทั้งสิ้น 8.5 ล้านชุด แต่สำหรับหน่วยบริการไม่ได้จำกัดจำนวนชุดในการใช้ ขณะเดียวกัน ในสัปดาห์หน้า นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข จะทำแผนตรวจคัดกรองให้ได้วันละ 1 แสนราย คาดว่าใช้เวลาทั้งหมด 10 วัน จะอยู่ที่ 10 ล้านชุด ตรงนี้จะแยกกันกับในส่วนที่จะแจกให้ประชาชน

ทั้งนี้ ในกรณีที่ตรวจด้วยชุดตรวจ ATK แล้วพบว่าผลเป็นบวก สามารถติดต่อหน่วยบริการใกล้บ้านที่เคยไปรับบริการได้ หรือสายด่วน 1330 กด 14 อย่างไรก็ดี ในขณะนี้เบอร์สายด่วนค่อนข้างหนาแน่น ฉะนั้น สปสช.ได้เพิ่มช่องทางการลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่การดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชน (Home-Community Isolation) ที่ https://crmhi.nhso.go.th/ กรณีที่ลงทะเบียนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อ ให้กรอกข้อมูลที่ https://crmsup.nhso.go.th/ กรณีผู้ติดเชื้อในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ต้องการกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนา ลงทะเบียนที่ https://crmdci.nhso.go.th/ หรือเพิ่มเพื่อนผ่านไลน์ Official Account หรือไลน์ OA ของ สปสช. @nhso เลือกบริการเกี่ยวกับโควิด-19 เพื่อกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบได้เช่นกัน เนื่องจากทุกข้อมูลจะเข้าสู่ระบบเดียวกัน และจะถูกส่งต่อให้กับคลินิกใกล้บ้านเริ่มดำเนินการดูแลผู้ป่วยด้วยระบบการดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชน (Home-Community Isolation).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งชดใช้ 10,028 ล้านคดีจำนำข้าว ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ รับภาระหนี้จากฝ่ายปฏิบัติ ลั่นหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด ทำเพื่อชาวนากลับมีบทสรุปที่เจ็บปวด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความภายหลัง ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท ว่า “เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก […]

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย