กรุงเทพฯ 28 ก.ค. – โลกโซเชียลแห่แชร์หนุ่มกิน “ฟ้าทะลายโจร” แล้วตับพัง ต้องเสียค่ารักษาเกือบ 1 แสนบาท ด้านเภสัชกรชี้อาการ “ตับอักเสบ” ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
“ฟ้าทะลายโจร” กลายเป็นสมุนไพรที่ถูกพูดถึงอีกครั้ง หลังมีการทดลองและวิจัยพบสารแอนโดรกราโฟไลด์ สามารถยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสโควิด-19 ได้ แต่ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะฟ้าทะลายโจรไม่ได้มีเฉพาะสรรพคุณที่ครอบจักรวาลเท่านั้น แต่ก็มีผลข้างเคียงได้เช่นเดียวกัน
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเล่าประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการกินฟ้าทะลายโจร บอกหมดเงินไปเกือบแสนบาทกับการรักษาตัวจากผลข้างเคียงของฟ้าทะลายโจรที่ทำลายตับ โลกออนไลน์แห่แชร์ข้อความดังกล่าว พร้อมตั้งคำถาม “ฟ้าทะลายโจร” กินแล้วตับพังจริงหรือ?
เภสัชกรหญิง ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ข้อมูลว่า การเกิดตับอักเสบ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ปกติเวลากินยา หรืออาหารเสริม ต้องผ่านตับและไตในการกำจัดสารออกจากร่างกาย ซึ่งกลไกของฟ้าทะลายโจรจะถูกกำจัดออกที่ตับ อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นประกอบด้วย เช่น การใช้ยาปริมาณมากเกินไป ใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือการดื่มสุราเป็นประจำ ก็ส่งผลต่อตับได้เช่นกัน
สำหรับปริมาณการใช้ฟ้าทะลายโจรที่เหมาะสม หากใช้ในเชิงส่งเสริมสุขภาพ ต้องมีปริมาณ 20 มิลลิกรัม/วัน ใช้ต่อเนื่องได้ไม่เกิน 5 วัน หากจะรักษาผู้ป่วยไข้หวัด ต้องใช้ปริมาณ 60 มิลลิกรัม/วัน ส่วนการรักษาผู้ป่วยโควิด ใช้ปริมาณ 180 มิลลิกรัม/วัน ครั้งละ 60 มิลลิกรัม 3 ครั้ง ขณะเดียวกัน ฟ้าทะลายโจรแบบใบสด กินมื้อละ 5-10 ใบ วันละ 3-4 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 5 วัน เช่นกัน
เภสัชกรหญิง ผกากรอง ยังให้ข้อมูลอีกว่า ฟ้าทะลายโจร กินเมื่อจำเป็นเท่านั้น อย่างกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิดระดับสีเขียว กินแล้วจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ส่วนกลุ่มที่พบว่าเสี่ยงมากกว่าประโยชน์ ไม่แนะนำให้กิน คือ กลุ่มคนท้อง และมีประวัติแพ้ พร้อมย้ำเวลาซื้อฟ้าทะลายโจร ต้องสังเกตฉลากยาด้วยว่า 1 แคปซูล มีสารแอนโดรกราโฟไลด์เท่าไร
อย่างไรก็ตาม การใช้ยาแต่ละชนิดจะต้องรู้ทันสรรพคุณอย่างแท้จริง และต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจร แม้จะมีสรรพคุณครอบจักรวาล แต่หากใช้เกินขนาด แทนที่จะเป็นประโยชน์อาจกลายเป็นโทษได้. – สำนักข่าวไทย