fbpx

กรมอนามัยออกคำแนะนำผู้ให้บริการรับส่งผู้ติดเชื้อโควิด-19

กรมอนามัย 23 ก.ค.-กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศคำแนะนำป้องกันความเสี่ยงจากโรคโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยของผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อ โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน ตั้งแต่ต้นทางจนถึงภูมิลำเนาปลายทาง ลดปัญหาสถานพยาบาลไม่เพียงพอต่อการให้บริการผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง


นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก กระทบต่อการให้บริการของทีมแพทย์และพยาบาลและสถานที่รองรับผู้ติดเชื้อที่มีไม่เพียงพอ จึงต้องมีนโยบายให้ผู้ติดเชื้อที่ยังไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือประเมินแล้วเป็นผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียว สามารถกลับไปแยกกักตัวที่บ้าน หรือบางรายกลับไปแยกกักตัวในภูมิลำเนาของตัวเองได้ เพื่อช่วยให้สถานพยาบาลหรือสถานที่รองรับผู้ป่วยมีเพียงพอที่จะรักษาผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงได้ ส่วนการเดินทางกลับภูมิลำเนาของผู้ติดเชื้อนั้น จำเป็นต้องมีการดำเนินงานอย่างรัดกุมและป้องกันอย่างเข้มข้น เพื่อลดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19

ซึ่งล่าสุดกรมอนามัยออกประกาศเรื่อง คำแนะนำป้องกันความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID–19)) สำหรับผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 เพื่อการปฏิบัติที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ดังนี้


1) ผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อ โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อกำหนด ต้องไม่มีอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบากอย่างใดอย่างหนึ่ง และขณะปฏิบัติงานต้องสวมชุด Semi-PPE ได้แก่ ชุดกันเปื้อน ชุดกันฝน หน้ากากอนามัย หมวก ถุงมือ และรองเท้าบูท โดยให้เปลี่ยนถุงมือทุกครั้งหลังปฏิบัติงานรับและส่งผู้ติดเชื้อแต่ละครั้ง สำหรับชุดกันเปื้อน ให้เปลี่ยนใหม่ทุกวัน

2) การจัดการภายในยานพาหนะ ให้มีฉากกั้นระหว่างพื้นที่ผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อและผู้ติดเชื้อ มีการระบายอากาศภายในห้องผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อและห้องผู้ติดเชื้ออย่างเพียงพอ และจัดเตรียมเครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์สำหรับปฏิบัติงาน อาทิ แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ หน้ากากอนามัย ถุงบรรจุมูลฝอยติดเชื้อภายในยานพาหนะให้ใช้ถุงแดงที่ระบุหรือมีป้ายระบุ “มูลฝอยติดเชื้อผู้ติดเชื้อโควิด 19” และจัดเตรียมถุงบรรจุมูลฝอยติดเชื้อในลักษณะเดียวกัน กรณีผู้ติดเชื้ออาเจียน รวมทั้งมีถังรองรับมูลฝอยติดเชื้อแบบมีฝาปิด เป็นต้น

3) การเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ ขอให้ปฏิบัติดังนี้คือ ผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อต้องระมัดระวังในการสัมผัสใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อที่มีอาการไอ จาม ควรให้ผู้ติดเชื้อสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา จมูก โดยไม่จำเป็น และล้างมือบ่อย ๆ ด้วยแอลกอฮอล์ ทั้งก่อนขึ้นยานพาหนะและระหว่างอยู่ในยานพาหนะ ให้ใช้การสื่อสารทางโทรศัพท์หรืออุปกรณ์สื่อสารเท่านั้น ไม่ควรให้ผู้ติดเชื้อลงจากยานพาหนะ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เช่น การกินอาหาร เข้าห้องส้วม ให้จอดบริเวณที่ทางราชการกำหนด เช่น ศูนย์พักรถที่ทางกองบังคับการตำรวจทางหลวงกำหนด และหากผู้ติดเชื้อเกิดอาการผิดปกติหรือมีเหตุฉุกเฉินขณะเดินทาง ให้ติดต่อสายด่วน 1669 หรือ 1330 เพื่อส่งต่อผู้ติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง นอกจากนี้ ในระหว่างการเดินทางหากร่างกายสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ให้ใช้กระดาษชำระเช็ดออกทันที แล้วเช็ดบริเวณที่ปนเปื้อนด้วยแอลกอฮอล์70 เปอร์เซ็นต์ และล้างมือด้วยน้ำยา ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกครั้ง


“สำหรับการทำความสะอาดพื้นผิวภายในยานพาหนะให้เก็บกวาดสิ่งสกปรกออกก่อน และทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดหรือใช้น้ำผสมสบู่หรือผงซักฟอกเช็ดถูพื้นผิว ส่วนการฆ่าเชื้อพื้นผิวภายในยานพาหนะ ให้เช็ดเบาะที่นั่ง ที่จับ พื้นรถ ผนัง เพดานภายในทั้งหมดในบริเวณห้องโดยสารผู้ติดเชื้อ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค โดยเปิดหน้าต่าง ประตูระบายอากาศหลังจากทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทุกครั้ง ทั้งนี้ เมื่อเสร็จภารกิจแต่ละวันต้องถอดชุดป้องกันทิ้งในรูปแบบมูลฝอยติดเชื้อ อาบน้ำด้วยสบู่ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดก่อนกลับบ้าน และเฝ้าระวังอาการตนเอง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด กรณีกรุงเทพมหานครแจ้งศูนย์บริการสุขภาพ หรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทันที” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

คดีสะเทือนขวัญ ฆ่าหั่นศพ “ยากูซ่า” จ.นนทบุรี

คดีสะเทือนขวัญ พบชิ้นส่วนมือ ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ล่าสุดตำรวจจับกุมหนึ่งในผู้ต้องหาได้แล้ว และทราบว่าทั้งผู้ตายและผู้ลงมือฆ่าหั่นศพ เป็นแก๊งยากูซ่าชาวญี่ปุ่น

ชาวบ้านร้องโรงงานเก็บสารเคมีเร่งเยียวยาเหตุไฟไหม้

ชาวบ้านที่เดือดร้อนจากเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีอุตสาหกรรม จ.ระยอง เรียกร้องโรงงานช่วยเหลือ บอกน้ำสักขวดก็ไม่ได้

แบงก์ชาติ​ส่งหนังสือให้ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำสะดุด

ปลัดคลัง ระบุแบงก์ชาติ​ส่งหนังสือถึง ครม.ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำให้สะดุด ชี้เป็นข้อเสนอเก่า​​ เดินหน้าตามแผนเดิม​ 

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา เริ่มมีสัญญาณที่ดี-การสู้รบเงียบสงบ

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังการสู้รบเงียบสงบเกินกว่า 24 ชั่วโมง คาดมีการเจรจากันของกลุ่มต่อต้านและทางการเมียนมา หยุดยิงชั่วคราวเพื่อลดผลกระทบ