กรุงเทพฯ 22 ก.ค.-ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในไทย ปี 2563 ถึงปัจจุบันนี้ สตรีมีครรภ์ติดเชื้อรวมแล้วเกือบ 1,000 คน เสียชีวิต 16 ราย ส่งผลทารกคลอดก่อนกำหนดและเสียชีวิต ขณะนี้จึงจัดได้ว่า สตรีมีครรภ์ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ 8 เพิ่มจาก 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ที่ควรเข้ารับวัคซีนโควิดโดยเร่งด่วน
กระทรวงสาธารณสุข จัดเสวนา “การขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร อธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2563 ที่มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 พบมีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิด-19 แล้วเกือบ 1,000 คน เสียชีวิตแล้ว 16 คน มีทารกติดเชื้อจากแม่สู่ลูก 6 ราย ส่งผลทารกคลอดก่อนกำหนดและเสียชีวิต ขณะนี้จึงจัดได้ว่า สตรีมีครรภ์ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ 8 เพิ่มจาก 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ที่ควรเข้ารับวัคซีนโควิดโดยเร่งด่วน
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศูนย์เด็ก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ปัจจุบันมีงานวิจัยยืนยันได้ว่า หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 และมีผลกระทบต่อทารกสูง ทารกมีโอกาสคลอดก่อนกำหนด ทำให้การตั้งครรภ์เสี่ยงสูง อัตราการเข้าไอซียูก็สูงกว่าหญิงปกติ 1.5 เท่า และยังพบต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ มากกว่า หญิงไม่ตั้งครรภ์ 1.7 เท่า ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยการให้วัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ ในวัคซีน mRna 2 ยี่ห้อ ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา พบว่า ภูมิต้านทานในหญิงตั้งครรภ์ตอบสนองต่อวัคซีนได้ดี และมีไข้น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีวัคซีนชนิดไหนมีผลงานตีพิมพ์ในหญิงตั้งครรภ์ แต่ องค์การอนามัยโลก ก็แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ฉีด เพราะไม่มีการบ่งชี้ว่ามีอันตราย
ขณะที่หนึ่งในหญิงตั้งครรภ์ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว ออกมาเปิดเผยว่า ตอนแรกก็มีความกังวล แต่คิดว่าโอกาสติดเชื้อและเสียชีวิตมีมากกว่า หากมัวแต่เชื่อข่าวลืออาจทำให้เสียโอกาสในการฉีดวัคซีนและดูแลบุตรในครรภ์.-สำนักข่าวไทย