กรุงเทพฯ 18 ก.ค.- ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ชี้แจงกรณีการจัดสรรวัคซีนของสภากาชาดไทยที่จัดซื้อวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา จำนวน 1 ล้านโดส โดยจะจัดสรรให้กับบุคลากรทางการแพทย์, กลุ่มประชาชนผู้ด้อยโอกาส คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน
เพจศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ แจงกรณีการจัดสรรวัคซีนของสภากาชาดไทยที่จัดซื้อวัคซีนโควิด-19 Moderna จำนวน 1 ล้านโดส โดยจะจัดสรรให้กับ
1. บุคลากรทางการแพทย์
2. กลุ่มประชาชนผู้ด้อยโอกาส คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีมีครรภ์
3. ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไปที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน
ส่วนการไม่จัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มผู้บริจาคโลหิต ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ไม่สามารถดำเนินการจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนทั่วไปได้โดยตรง การจัดสรรวัคซีน ต้องมีการวางแผนที่เหมาะสม โดยทีมงานส่วนกลางของสภากาชาดไทยเป็นผู้พิจารณาจัดสรร ร่วมกับหน่วยงานแกนกลางของประเทศ เพื่อให้สามารถกระจายวัคซีนให้แก่ประชาชนกลุ่มผู้เปราะบางในสังคม และผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่างๆ รวมทั้งบุคลากรด่านหน้าที่ต้องปฏิบัติงานกับผู้ป่วยโควิดให้ครอบคลุมในภาพรวม
สำหรับผู้บริจาคโลหิตที่สูงอายุ ศูนย์ฯ ขอรับไว้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะดูแลและจะแนะนำแนวทางลงทะเบียนให้ต่อไป ขณะเดียวกันสภากาชาดไทย ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สภากาชาดไทยจะมอบวัคซีนให้กับโรงพยาบาลสังกัดคณะแพทยศาสตร์ และ อบจ.ในราคาต้นทุนที่ได้จากองค์การเภสัชกรรม ขณะนี้ราคายังคงอยู่ที่ 1,100 บาท โดยที่ยังไม่ได้รับเอกสารยืนยันราคาจากองค์การเภสัชกรรม
ทั้งนี้ ได้กำหนดเป้าหมายสำหรับผู้ที่จะได้รับฉีดวัคซีนไว้ 5 กลุ่ม ได้แก่
1. บุคลากรทางการแพทย์
2. ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ
3. ผู้ป่วยติดเตียง
4. สตรีมีครรภ์
5. ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป
**เฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 ให้สามารถเข้าถึงวัคซีนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายกับประชาชน”
สำหรับแหล่งเงินที่นำไปจัดซื้อวัคซีนนั้นได้มาจากเงินรับบริจาคและเงินสะสมของสภากาชาดไทย รวมกับเงินสนับสนุนจากหน่วยงานที่จะรับวัคซีนไปฉีดฟรีให้กับกลุ่มเป้าหมาย และการฉีดส่วนหนึ่งสภากาชาดไทยจะเป็นผู้จัดการฉีดในสถานที่ของสภากาชาดไทยให้มากที่สุด
สำหรับสถานการณ์นี้ ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณของสภากาชาดไทยรวมกับเงินบริจาค ยังคงไม่เพียงพอต่อการจัดหาวัคซีนที่จะนำไปช่วยเหลือประชาชนได้ทั้งหมด หรือในจำนวนที่มากได้ ดังนั้นในเบื้องต้นจึงต้องมุ่งเน้นกลุ่มผู้เปราะบางและมีความเสี่ยง ที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักดังที่กล่าวมาในเบื้องต้น.-สำนักข่าวไทย