กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้ต้องยกระดับมาตรการควบคุมโรค จำกัดการเดินทาง เคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคล และเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม มิเช่นนั้นจะมีอัตราป่วยและเสียชีวิตระดับสูงต่อเนื่องไปอีก 3-4 เดือน หลังวันนี้มียอดผู้ป่วยทะลุหมื่นราย และเสียชีวิตอีก 141 ราย ขณะที่ไวรัสกลายพันธุ์เดลตา ระบาดไปทั่วโลกแล้ว 111 ประเทศ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์และมาตรการป้องกันโควิด-19 ว่า สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ยังพบการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลตา ที่มีการระบาดไปแล้วใน 111 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตขยายวงกว้างในระดับสูงมาก จนกระทบขีดความสามารถทางการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล รวมถึงในต่างจังหวัด ที่มีผู้ติดเชื้อเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก วันนี้ (17 ก.ค.) มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,082 ราย เสียชีวิต 141 ราย ส่วนใหญ่มากกว่า 70% เป็นผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการติดเชื้อของการระบาดในระลอกนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก เพราะพบการระบาดแพร่เชื้อในครอบครัว คนรู้จัก เพื่อนบ้าน ติดไปถึงผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังในบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญ ทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรง จนถึงขั้นเสียชีวิต และจนถึงวันนี้ยังมีการลักลอบเล่นการพนัน รวมกลุ่มเพื่อนจัดปาร์ตี้ที่บ้านและนอกบ้าน เป็นความเสี่ยงที่ทำให้การแพร่ระบาดของโรคไม่ลดลง
ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทุกความร่วมมือของหน่วยงาน องค์กร และประชาชนทุกคนที่ยังให้ความร่วมมือเป็นส่วนใหญ่ ถึงเวลาที่ทุกครอบครัวจำเป็นต้องปกป้องผู้ที่ทุกท่านรักและตัวท่านเอง ด้วยตัวของท่านเอง ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย งดออกจากบ้าน WFH ให้ได้มากที่สุด ลดความเสี่ยงจากการไปติดเชื้อนอกบ้าน และไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่นต่อ ทั้งนี้ เวลาอยู่บ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เมื่อพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัว รับประทานอาหารแยกกัน ทำความสะอาดอุปกรณ์ หรือจุดที่สัมผัสร่วมกันบ่อยๆ เช่น ตู้เย็น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะอาหาร ฯลฯ เราทุกคนต้องช่วยกันปกป้องผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังในบ้านของเรา หากพบการติดเชื้อจะได้ป้องกันอาการที่รุนแรงจนอาจจะเสียชีวิตได้ จำเป็นต้องพาผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังไปฉีดวัคซีน ซึ่งขณะนี้กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล ได้เตรียมพื้นที่และได้รับวัคซีนเพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงจำนวนมาก ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ในหลายจุด
สถานการณ์โรคในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคตะวันออก ยังพบการระบาดในโรงงานและสถานประกอบการต่างๆ ผู้ประกอบการต้องร่วมมือกันกับคนงาน เพื่อลดความรุนแรงของสถานการณ์ที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก มีการแพร่เชื้อไปยังชุมชนรอบๆ ทำให้จะต้องมีมาตรการเคร่งครัดที่เรียกว่า “บับเบิลแอนด์ซีล” คือ การอยู่ในสถานประกอบการและที่พักเท่านั้น การเดินทางจะต้องไม่แวะตามจุดต่างๆ การอยู่ในสถานประกอบการต้องมีการกำกับอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์โรคในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งพบผู้ติดเชื้อเดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล จำนวนมาก ทำให้โรงพยาบาลต้องรับผู้ป่วยมากขึ้นอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องขอความร่วมมือทุกท่านงดเดินทางข้ามจังหวัด และเพิ่มการดูแลรักษา โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่มีอาการ หรืออาการน้อย ให้เข้าระบบการจัดการรักษาดูแลที่บ้าน หรือการจัดการรักษาโดยชุมชน ซึ่งขณะนี้ได้มีความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ หลายหน่วยงานเริ่มดำเนินการเป็นรูปธรรมแล้ว
จากสถานการณ์ในขณะนี้ คาดการณ์ว่าหากยังไม่ทำมาตรการอะไรที่เพิ่มเติมกว่านี้ จะทำให้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมากไปอีกอย่างน้อย 3-4 เดือน ทำให้ต้องมีการยกระดับมาตรการเพื่อป้องกันควบคุมโรค โดยเฉพาะการจำกัดการเดินทาง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนี้ ทุกท่านต้องเคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคล และเร่งรัดความครอบคลุมในการฉีดวัคซีน เพื่อลดการป่วยหนักและการเสียชีวิตในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โดยความร่วมมือจากประชาชนทุกคน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังมีระดับสูงมาก กลับมาคลี่คลายดีขึ้นได้ในเร็ววัน. – สำนักข่าวไทย