กรุงเทพฯ 8 ก.ค. – กระทรวงสาธารณสุขปรับแผนกระจายวัคซีนโควิด-19 ในเดือนกรกฎาคมนี้ ยกเลิกการฉีดแบบปูพรม เน้นฉีดให้กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ให้ได้ร้อยละ 80 เพื่อลดการเสียชีวิตที่มีแน้วโน้มพุ่งสูงขึ้น
หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา-อินเดีย ในไทยมากขึ้น ทำให้แนวโน้มยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งแตะหลัก 7,000 คนต่อวัน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็มีมากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง มีถึง 2 ใน 3 ทำให้ในเดือนกรกฎาคม กระทรวงสาธารณสุขต้องปรับแผนกระจายวัคซีน ยกเลิกการฉีดแบบปูพรม เน้นฉีดให้กลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ทั่วประเทศแทน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ มีผู้สูงอายุประมาณ 1.8 ล้านคน จะต้องเร่งฉีดให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ส่วนต่างจังหวัดมีผู้สูงอายุ 11.8 ล้านคน จะเร่งฉีดให้แล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนประชาชนทั่วไปจะฉีดวัคซีนให้อีกครั้งในเดือนสิงหาคมนี้เช่นกัน
ส่วนการจัดหาวัคซีนในเดือนนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังคงตั้งเป้าจัดหาให้ได้ 10 ล้านโดส ตามแผนเดิม เป็นวัคซีนแอสตราเซเนกา 5-6 ล้านโดส ส่วนที่เหลือจะเร่งจัดหาวัคซีนตัวอื่นๆ เช่น ซิโนแวค เข้ามาเสริมให้ครบตามเป้า โดยวัคซีนจะทยอยเข้าไทยสัปดาห์ละ 2-2.5 ล้านโดส
ขณะเดียวกัน ครม. ยังมีมติเห็นชอบจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมอีก 10.9 ล้านโดส ให้กรมควบคุมโรคดำเนินการจัดหาในเดือนนี้และเดือนหน้า รวมทั้งอนุมัติลงนามสัญญาซื้อวัคซีนของไฟเซอร์อีก 20 ล้านโดส คาดจะได้วัคซีนในไตรมาส 4 ปีนี้ และยังมีวัคซีนทางเลือกอื่นๆ ที่จะทยอยเข้ามาอีก เช่น โมเดอร์นา.-สำนักข่าวไทย