แพทย์ระบาดวิทยาเสนอปรับแผนฉีดวัคซีน พุ่งเป้าสูงอายุ 60ปีขึ้นไป 7กลุ่มโรคเรื้อรัง

สธ. 2 ก.ค.-“นพ.คำนวณ” เสนอนายกฯ-ศบค.-ผู้ว่าฯ ปรับแผนฉีดวัคซีนพุ่งเป้า ในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ย้ำ 2 เดือน ก.ค.-ส.ค.ต้องเร่งฉีดให้ครบมิเช่นนั้นยอดตายพุ่ง พยากรณ์อัตราตายหากไม่แก้ไข เรื่องการฉีด ก.ค.อาจสูง 1,400 คน ส.ค. 2,000 คน และ ก.ย. อาจสูง 2,800 คน แนะช่วงนี้สถานการณ์วิกฤต งดพบปะใกล้ชิดกัน สนิทแค่ไหนให้ใส่หน้ากากอนามัย


นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญในด้านระบาดวิทยาและที่ปรึกษาด้านวิชาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเสวนาเรื่อง “วัคซีนโควิด ไทยจะเดินทางต่อไปอย่างไร” ว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของไทย อยู่ในระลอกที่ 3 และเป็นสายพันธุ์อัลฟา(อังกฤษ) มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 50 คน ซึ่งคาดว่าสถานการณ์โควิดต่อจากนี้ อีก 2-3เดือนจะแย่กว่าเดิม โดยสายพันธุ์เดลตา(อินเดีย)จะค่อย ๆ เข้ามายึดครองพื้นที่ ซึ่งในส่วนของพื้นที่ กทม. มีสายพันธุ์เดลตาเข้ามายึดครองแล้วร้อยละ 40 ซึ่งสายพันธุ์เดลตามีความรวดเร็วในการแพร่กว่า อัลฟา 1.4 เท่า และหากคำนวณอัตราการเสียชีวิต ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา พบมี 992 คน แต่หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คาดว่าในเดือน ก.ค. จะมีผู้เสียชีวิต 1,400 คน,เดือน ส.ค.จะมีผู้เสียชีวิต 2,000 คน และเดือนก.ย. จะเสียชีวิต 2,800 คน ลำพังผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 900 คน ก็ถือว่าระบบเดินต่อไปไม่ได้ และค่อนข้างตึง ดังนั้นต้องเร่งหากทางออกในเรื่องนี้

นพ.คำนวณ กล่าวว่า จากข้อมูลของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ เป็นผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง หากผู้ป่วย 2 กลุ่มนี้ติดเชื้อ 100 คน จะมีคนเสียชีวิต 10 คน แต่หากเป็นกลุ่มคนอายุน้อย1,000 คนติดเชื้อจะมีผู้เสียชีวิตแค่ 1 คน ทั้งนี้อาวุธที่ดีที่สุดคือการให้วัคซีน แต่ต้องมีการกำหนดกลุ่มคนที่จะให้ และอยู่ในสถานะแบบพุ่งเป้า เพราะวัคซีนทุกตัวที่องค์การอนามัยโลก รับรอง ไม่ต้องสนยี่ห้อ สามารถลดอัตราตายได้ร้อยละ 90 หากมีการฉีดวัคซีนจะช่วยให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งเดิมเข้าใจว่าภูมิคุ้มกันหมู่จะเกิดขึ้น ต้องมีการฉีดวัคซีนให้กับประชากรของประเทศร้อยละ 70 แต่ขณะนี้เนื่องจากเกิดปัญหาการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ทำให้การเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ที่ร้อยละ 70 อาจไม่เพียงพอต้องขยับเป็นที่ร้อยละ90 ซึ่งเรื่องนี้จะคล้ายกับในประเทศอังกฤษที่มีการฉีดวัคซีนจำนวนมาก แต่ก็ยังพบคนติดเชื้ออยู่


นพ.คำนวณ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีนนอกจากต้องมีวัคซีนฉีดไม่จำกัดแล้ว ขีดความสามารถในการฉีดต้องรวดเร็ว ยังต้องพุ่งเป้าฉีดในคนสูงอายุ และป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง โดยต้องเร่งฉีดให้แล้วเสร็จในเดือน ก.ค. และส.ค.เพื่อควบคุมการระบาด ที่ผ่านมาแม้จะมีการฉีดใน ชุมชน รร. หรือ การเปิดสถานที่ท่องเที่ยวแม้เป็นความคิดที่ดีแต่จะทำแบบนี้ได้ เหมาะสำหรับ ประเทศที่มีวัคซีนพอ ขณะนี้ยังไม่มีประเทศไหนในโลก ที่ไม่เผชิญกับปัญหาเรื่องวัคซีนมีจำกัด คาดว่าหากปล่อยให้มีการฉีดวัคซีนแบบปูพรม เช่นเดิมต่อไป อีก 5-6 เดือนก็ไม่เห็นผลในเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และคาดว่า 7-8เดือนกว่าจะฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุและ7กลุ่มโรคได้ครบเพราะขณะนี้เหลือผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรค ถึง 15 ล้านคน ยังไม่ได้รับวัคซีน

นพ.คำนวณ กล่าวว่า หากปรับเปลี่ยนการฉีดวัคซีนมาแบบพุ่งเป้าใน ผู้สูงอายุ 60 ปี และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง คาดว่าอัตราการตายในเดือน ก.ค.ก็จะไม่เกิน 1,000 คนและเดือน ส.ค.จะค่อยๆ ลดเหลือ 800 คน เดือนก.ย.ก็จะค่อยๆ ลดลงเหลือ 600-700 คน พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี, ศบค.และผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องตกลงให้ชัดเจน ว่าจะฉีดให้กับกลุ่มไหนก่อน โดยแนะว่าควรฉีดแบบพุ่งเป้าหมายให้ผู้สูงอายุและคนป่วย 7 โรคเรื้อรังก่อน เปรียบเหมือนฉีดวัคซีนให้พ่อแม่ก่อน ซึ่งเป็นหลักฐานทางวิชาการที่ใช้ในประเทศอังกฤษ โดยหลักการนี้ยังสามารถขยายมาเป็นเกณฑ์ฉีดให้กับแรงงานต่างชาติที่อยู่ในไทยด้วย โดยไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนทุกคน แค่ฉีดในแรงงานอายุเกิน 60 ปีและป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง

นพ.คำนวณ ยังกล่าวว่าเนื่องจากสถานการณ์เตียงยังวิกฤตและการฉีดวัคซีนยังไม่ครอบคลุม ดังนั้นประชาชน ควรจำกัดการพบปะใกล้ชิดกัน คนสนิทแค่ไหนก็ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน ลดความเสี่ยง .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

ลุ้นผลประชุม JBC ไทย-กัมพูชา

14 มิ.ย.- ประชาชน 2 ประเทศลุ้นผลการประชุม JBC ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว นายเปง สุเพีย ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานว่าก่อนการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ขณะนี้เป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ผ่านไปกว่า 2 ชม. ยังไม่ออกมา ประชาชนสองประเทศลุ้นผลการประชุม ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว .-สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]