กทม.30 มิ.ย.-ผู้ว่าฯ กทม.เร่งประสานโรงแรม และ รพ.เอกชน เปิด Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียว เพิ่มอีกกว่า 4,000 แห่ง ตั้งเป้าให้ได้ 10,000 แห่งในสัปดาห์หน้า
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) ลงพื้นตรวจดูความพร้อมที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตบางคอแหลม ซึ่งร่วมกับรพ.ธนบุรี ปรับเป็น Hospitel จำนวน 380 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19กลุ่มสีเขียว ที่ไม่แสดงอาการ หรือแสดงอาการเพียงเล็กน้อย โดยโรงแรมแห่งนี้จะเริ่มเปิดให้บริการได้ในวันที่ 5ก.ค.นี้ หลังในพื้นที่ กทม.มียอดผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยวันละ 1,600-1,800 คน
ขณะเดียวกันตอนนี้ก็ยังมีผู้ป่วยรอเตียง ตกค้างอยู่ตามบ้านอีกราว700 คน จึงต้องประสานและขอความร่วมมือจากโรงแรมและโรงพยาบาลเอกชน เปิด Hospitel รองรับผู้ป่วย โดยจะเร่งเปิด Hospitel รองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวอีก 4,428 เตียง หลังจากเตียงที่มีอยู่กว่า 3,000 เตียงตอนนี้เต็มหมดแล้ว และในสัปดาห์หน้าจะหาเพิ่มอีก 3,000 เตียง ตั้งเป้าให้ครบ 10,000 เตียง เพื่อให้ทันการณ์ต่อการรองรับผู้ป่วย
ส่วนผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง ตอนนี้ขยายเพิ่มอีก 526เตียงและผู้ป่วยกลุ่มสีแดงขยายเพิ่มอีก 11 เตียง ขณะเดียวกันได้เพิ่มบุคลากรและรถพยาบาลอีก 50 คัน เข้าไปรับผู้ป่วยตามบ้านออกมารักษายังสถานพยาบาล หรือ Hospitel ที่เตรียมไว้
ผู้ว่าฯ กทม.ยังชี้แจงถึงกรณีที่ทาง กทม.เผยแพร่ข่าวการเยียวยาผู้ค้ารายย่อยที่อยู่นอกระบบประกันสังคม โดยมีแนวทางให้สำนักงานเขตสำรวจ “ผู้ค้ารายย่อยที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนประกันตนกับสำนักงานประกันสังคม” สำนักงานเขตละ 200 รายเพื่อรับเงินช่วยเหลือรายละ 5,000 บาท เพื่อเป็นทุนสำรองในการดำรงชีพของประชาชนต่อไป ซึ่งภายหลังได้มีการยกเลิกข่าวนี้ไป ว่า ทั้งตนและผู้บริหาร กทม.ไม่เคยออกคำสั่งนี้ เพราะเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาเป็นหน้าที่ของภาครัฐ ประเด็นนี้ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดและเสียหายอย่างมาก ล่าสุดจึงตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ที่สื่อสารเรื่องนี้ออกไป โดย ผอ.สำนักประชาสัมพันธ์ กทม.จะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ส่วนที่ผู้ประกอบการร้านอาหารผุดแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ต่อต้านมาตรการห้ามนั่งกินที่ร้าน พร้อมเชิญชวนให้มาร่วมลงชื่อนั้น ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้นเพราะหากอารยะขัดขืนไป แล้วมีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น จะยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งหนักไปกว่าเดิมจึงขอให้เข้าใจและช่วยอดทนกันอีกนิดเพื่อการจัดการป้องกันควบคุมโรคในภาพรวมทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ .-สำนักข่าวไทย