กทม.ลุยตรวจห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานในแคมป์ก่อสร้าง

เขตห้วยขวาง 28 มิ.ย.-รองปลัด กทม.ตรวจแคมป์ก่อสร้าง 2 แห่ง รวม 1,212 คน พบติดเชื้อโควิด 411 คน ปิดแคมป์แล้วตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ


นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร (รองปลัด กทม.) ตรวจเยี่ยมศูนย์อำนวยการร่วมประสานงานการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลุ่มกรุงเทพกลาง เพื่อดำเนินการกำกับ ควบคุม และติดตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในแคมป์ก่อสร้างและแคมป์ที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.64 โดยมีนายอนุชิต พิพิธกุล ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง พร้อมคณะผู้บริหารเขต ร่วมให้ข้อมูลและรับมอบนโยบาย

รองปลัด กทม. กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้แถลงหลังจากการประชุมหารือร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.64 ให้ปิดแคมป์ก่อสร้างและแคมป์ที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการชั่วคราวระยะเวลา 1 เดือน เพื่อระงับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 6/2564 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขและระงับยับยั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา) มีผลตั้งแต่ 28 มิ.ย.64 เป็นต้นไป รวมทั้งประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 34) มีผลตั้งแต่ 28 มิ.ย.64


“ปลัด กทม.ได้สั่งการให้รองปลัด กทม. ดำเนินการกำกับ ควบคุม และติดตามการปิดแคมป์ก่อสร้างและแคมป์ที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่เขตที่รับผิดชอบ โดยมอบหมายประธานกลุ่มเขตทั้ง 6 กลุ่มเขต จัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วมประสานงานการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กทม. หน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเข้าควบคุมและชะลอการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งพบระบาดเป็นกลุ่มก้อนกระจายในหลายพื้นที่ รวมทั้งสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเดินทางของกลุ่มเสี่ยง เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่เป็นวงกว้างสู่พื้นที่อื่นๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่ง กทม.ได้มีมาตรการตรวจสอบเข้มงวดในแคมป์คนงานก่อสร้างและแคมป์ที่พักคนงาน โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการกำกับและควบคุมดูแลผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัด” รองปลัด กทม. กล่าว

รองปลัด กทม. กล่าวต่อไปว่า สำหรับการยกระดับมาตรการในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อแก้ไขและระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในทุกเขต เป็นเวลา 30 วัน และงดเคลื่อนย้ายแรงงานนั้น ได้ลงพื้นที่ตรวจแคมป์ที่พักคนงาน บริษัท บวิค-ไทย จำกัด ถนนเพชรพระราม แยก 9 เขตห้วยขวาง จากข้อมูล ณ วันที่ 27 มิ.ย.64 พบว่ามีจำนวนคนงานที่พักอาศัยในแคมป์ทั้งหมด 834 คน ตรวจพบเชื้อ 194 คน (23.26%) ไม่พบเชื้อ 640 คน (76.74%) ซึ่งในขณะนี้ได้ทำการปิดแคมป์แล้วตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ คำสั่งเลขที่ 1000/2564 ลงวันที่ 25 มิ.ย.64 ปิดตั้งแต่ 26-28 มิ.ย.64 พร้อมปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal ภายในแคมป์คนงาน เพื่อจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงาน และมีการแยกกักตัวผู้ติดเชื้อกับผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูงภายในแคมป์อย่างเป็นระบบ โดยมีการแยกกักผู้ป่วย ผู้เสี่ยงสูง และผู้ไม่ติดเชื้อ ออกจากกันอย่างเด็ดขาด เช่น อาคารที่พัก ห้องน้ำ การรับประทานอาหาร โดยมีนายจ้างนำอาหารไปให้บริการในแคมป์ ซึ่งในเบื้องต้นสำนักงานเขตห้วยขวางจะช่วยเหลือส่งมอบอาหารสำหรับผู้ป่วยภายในแคมป์ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตห้วยขวาง ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ และฝ่ายความมั่นคงจาก บก.ควบคุม กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เข้าร่วมควบคุมพื้นที่ เพื่อควบคุมการเข้า-ออกแคมป์ และการเคลื่อนย้ายแรงงาน ตามแผนที่กำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

จากนั้นลงพื้นที่ตรวจแคมป์ที่พักคนงาน บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด (บ้านพักคนงานสะพานควาย) ซอยพหลโยธิน 15 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท จากข้อมูล ณ วันที่ 27 มิ.ย.64 พบว่ามีจำนวนคนงานที่พักอาศัยในแคมป์ทั้งหมด 378 คน ตรวจพบเชื้อ 217 คน (57.41%) ไม่พบเชื้อ 161 คน (42.59%) ซึ่งในขณะนี้ได้ทำการปิดแคมป์แล้วตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ สำนักงานเขตพญาไท วันที่ 21 มิ.ย.64 ให้แคมป์ฯ ปรับปรุงสถานที่ให้ถูกสุขลักษณะและเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด และห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานเข้า-ออกสถานที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal


โดยสำนักงานเขตพญาไท ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 11 ประดิพัทธ์ ลงพื้นที่แนะนำและตรวจสอบการจัดแบ่งพื้นที่สำหรับผู้ติดเชื้อภายในแคมป์ แบ่งพื้นที่ผู้ติดเชื้อแยกเป็นสัดส่วนตามมาตรการอย่างเคร่งครัด พร้อมจัดตั้งกองอำนวยการเฉพาะกิจควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 บริเวณแคมป์ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ บก.ควบคุม กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกิจ เขตพญาไท ประจำการ 24 ชั่วโมง เพื่อควบคุมการเข้า-ออกแคมป์ และควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงาน

จากนั้น ตรวจเยี่ยมการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ณ บริเวณซอยวานิช 2 ข้างสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ โดยมี น.ส.อาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่เขต ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 13 ไมตรีวานิช สน.พลับพลาไชย และหน่วยงานด้านความมั่นคงจาก ช.พัน 1 รอ. ร้อย.สห.สนาม 3 พน. และพัน สห.12 ดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่รับบริการตรวจคัดกรอง โดยมีทีมแพทย์และพยาบาลจาก รพ.เกษมราษฎร์ บางแค ทำการตรวจคัดกรองด้วยวิธีค้นหาเชื้อทางโพรงจมูก (SWAB) เป้าหมายวันละ 500 คน สำหรับผู้ต้องการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน ปากกาหมึกสีน้ำเงิน โทรศัพท์มือถือที่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้มาด้วย และควรรับประทานอาหารหรือยารักษาโรคประจำตัวให้เรียบร้อยก่อนมาตรวจ สามารถเดินทางมาลงทะเบียนขอรับการตรวจคัดกรองด้วยตนเองได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.64 โดยเริ่มทำการตรวจคัดกรอง ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. สอบถามเพิ่มเติมที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ เขตสัมพันธวงศ์ โทร. 0 2233 0846.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย