เขตห้วยขวาง 28 มิ.ย.-รองปลัด กทม.ตรวจแคมป์ก่อสร้าง 2 แห่ง รวม 1,212 คน พบติดเชื้อโควิด 411 คน ปิดแคมป์แล้วตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ
นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร (รองปลัด กทม.) ตรวจเยี่ยมศูนย์อำนวยการร่วมประสานงานการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลุ่มกรุงเทพกลาง เพื่อดำเนินการกำกับ ควบคุม และติดตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในแคมป์ก่อสร้างและแคมป์ที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.64 โดยมีนายอนุชิต พิพิธกุล ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง พร้อมคณะผู้บริหารเขต ร่วมให้ข้อมูลและรับมอบนโยบาย
รองปลัด กทม. กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้แถลงหลังจากการประชุมหารือร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.64 ให้ปิดแคมป์ก่อสร้างและแคมป์ที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการชั่วคราวระยะเวลา 1 เดือน เพื่อระงับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 6/2564 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขและระงับยับยั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา) มีผลตั้งแต่ 28 มิ.ย.64 เป็นต้นไป รวมทั้งประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 34) มีผลตั้งแต่ 28 มิ.ย.64
“ปลัด กทม.ได้สั่งการให้รองปลัด กทม. ดำเนินการกำกับ ควบคุม และติดตามการปิดแคมป์ก่อสร้างและแคมป์ที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่เขตที่รับผิดชอบ โดยมอบหมายประธานกลุ่มเขตทั้ง 6 กลุ่มเขต จัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วมประสานงานการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กทม. หน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเข้าควบคุมและชะลอการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งพบระบาดเป็นกลุ่มก้อนกระจายในหลายพื้นที่ รวมทั้งสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเดินทางของกลุ่มเสี่ยง เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่เป็นวงกว้างสู่พื้นที่อื่นๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่ง กทม.ได้มีมาตรการตรวจสอบเข้มงวดในแคมป์คนงานก่อสร้างและแคมป์ที่พักคนงาน โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการกำกับและควบคุมดูแลผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัด” รองปลัด กทม. กล่าว
รองปลัด กทม. กล่าวต่อไปว่า สำหรับการยกระดับมาตรการในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อแก้ไขและระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในทุกเขต เป็นเวลา 30 วัน และงดเคลื่อนย้ายแรงงานนั้น ได้ลงพื้นที่ตรวจแคมป์ที่พักคนงาน บริษัท บวิค-ไทย จำกัด ถนนเพชรพระราม แยก 9 เขตห้วยขวาง จากข้อมูล ณ วันที่ 27 มิ.ย.64 พบว่ามีจำนวนคนงานที่พักอาศัยในแคมป์ทั้งหมด 834 คน ตรวจพบเชื้อ 194 คน (23.26%) ไม่พบเชื้อ 640 คน (76.74%) ซึ่งในขณะนี้ได้ทำการปิดแคมป์แล้วตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ คำสั่งเลขที่ 1000/2564 ลงวันที่ 25 มิ.ย.64 ปิดตั้งแต่ 26-28 มิ.ย.64 พร้อมปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal ภายในแคมป์คนงาน เพื่อจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงาน และมีการแยกกักตัวผู้ติดเชื้อกับผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูงภายในแคมป์อย่างเป็นระบบ โดยมีการแยกกักผู้ป่วย ผู้เสี่ยงสูง และผู้ไม่ติดเชื้อ ออกจากกันอย่างเด็ดขาด เช่น อาคารที่พัก ห้องน้ำ การรับประทานอาหาร โดยมีนายจ้างนำอาหารไปให้บริการในแคมป์ ซึ่งในเบื้องต้นสำนักงานเขตห้วยขวางจะช่วยเหลือส่งมอบอาหารสำหรับผู้ป่วยภายในแคมป์ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตห้วยขวาง ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ และฝ่ายความมั่นคงจาก บก.ควบคุม กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เข้าร่วมควบคุมพื้นที่ เพื่อควบคุมการเข้า-ออกแคมป์ และการเคลื่อนย้ายแรงงาน ตามแผนที่กำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
จากนั้นลงพื้นที่ตรวจแคมป์ที่พักคนงาน บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด (บ้านพักคนงานสะพานควาย) ซอยพหลโยธิน 15 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท จากข้อมูล ณ วันที่ 27 มิ.ย.64 พบว่ามีจำนวนคนงานที่พักอาศัยในแคมป์ทั้งหมด 378 คน ตรวจพบเชื้อ 217 คน (57.41%) ไม่พบเชื้อ 161 คน (42.59%) ซึ่งในขณะนี้ได้ทำการปิดแคมป์แล้วตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ สำนักงานเขตพญาไท วันที่ 21 มิ.ย.64 ให้แคมป์ฯ ปรับปรุงสถานที่ให้ถูกสุขลักษณะและเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด และห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานเข้า-ออกสถานที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal
โดยสำนักงานเขตพญาไท ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 11 ประดิพัทธ์ ลงพื้นที่แนะนำและตรวจสอบการจัดแบ่งพื้นที่สำหรับผู้ติดเชื้อภายในแคมป์ แบ่งพื้นที่ผู้ติดเชื้อแยกเป็นสัดส่วนตามมาตรการอย่างเคร่งครัด พร้อมจัดตั้งกองอำนวยการเฉพาะกิจควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 บริเวณแคมป์ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ บก.ควบคุม กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกิจ เขตพญาไท ประจำการ 24 ชั่วโมง เพื่อควบคุมการเข้า-ออกแคมป์ และควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงาน
จากนั้น ตรวจเยี่ยมการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ณ บริเวณซอยวานิช 2 ข้างสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ โดยมี น.ส.อาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่เขต ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 13 ไมตรีวานิช สน.พลับพลาไชย และหน่วยงานด้านความมั่นคงจาก ช.พัน 1 รอ. ร้อย.สห.สนาม 3 พน. และพัน สห.12 ดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่รับบริการตรวจคัดกรอง โดยมีทีมแพทย์และพยาบาลจาก รพ.เกษมราษฎร์ บางแค ทำการตรวจคัดกรองด้วยวิธีค้นหาเชื้อทางโพรงจมูก (SWAB) เป้าหมายวันละ 500 คน สำหรับผู้ต้องการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน ปากกาหมึกสีน้ำเงิน โทรศัพท์มือถือที่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้มาด้วย และควรรับประทานอาหารหรือยารักษาโรคประจำตัวให้เรียบร้อยก่อนมาตรวจ สามารถเดินทางมาลงทะเบียนขอรับการตรวจคัดกรองด้วยตนเองได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.64 โดยเริ่มทำการตรวจคัดกรอง ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. สอบถามเพิ่มเติมที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ เขตสัมพันธวงศ์ โทร. 0 2233 0846.-สำนักข่าวไทย