หมอนิธิ คาดโควิดคลี่คลายปลายปีหน้า

กทม. 26 มิ.ย.-“หมอนิธิ” คาดโควิดจะเริ่มคลี่คลายปลายปีหน้า พร้อมเร่งศึกษา เตรียมเปิดคลินิกรักษาอาการหลังหายป่วยโควิด เช่น สมองเบลอ ปอดหรือหัวใจมีปัญหา อวัยวะต่างๆ ทำงานมีประสิทธิภาพลดลง

ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า คาดการณ์ปลายปีหน้าสถานการณ์โรคโควิด-19 จะคลี่คลายสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ จะกลายเป็นโรคตามฤดูกาลเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ถึงตอนนั้นเราก็จะฉีดวัคซีนโควิดเป็นฤดูกาล อย่างไรก็ตามขณะนี้จะมีอีก 2 สิ่งที่ทำให้เราสบายขึ้น คือ ยารักษา ในต่างประเทศหลายบริษัทมีการศึกษาวิจัยอยู่ ปลายปีนี้น่าจะเห็นผล ยารักษาจะมี 2รูปแบบ คือ ยาที่รับประทานเมื่อเกิดโรคแล้ว และยาสำหรับป้องกันหากพบมีการสัมผัสผู้ติดเชื้อก็ให้กินยาป้องกัน เหมือนไข้หวัดใหญ่ อีกสิ่งคือการตรวจรักษาที่ง่ายและรวดเร็วขึ้น ซึ่งก็มีการศึกษาอยู่เช่นกัน ขณะนี้เราตรวจด้วยการสวอปแยงจมูกเพื่อหาเชื้อกว่าจะรู้ผลใช้เวลา 24 ชม. ระหว่างที่รอก็อาจจะแพร่กระจายเชื้อไปถึงคนอื่นไม่รู้กี่คนแล้ว ต่อไปจะต้องมีการตรวจที่รู้ผลได้รวดเร็วและทำได้ง่ายขึ้น ทั้ง 2 สิ่งดังกล่าวร่วมกับวัคซีนที่ฉีดจะทำให้เราสามารถกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติได้


ศ.นพ.นิธิ กล่าวด้วยว่า จริงๆ การให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ยังใช้ไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ นำไปใช้เมื่อเชื้อโรคมีมากขึ้น ไม่เข้าใจว่าทำไมใช้ช้า เพราะเกรงจะไม่พอหรือไม่ ที่ราชวิทยาลัยฯ เราใช้ตั้งแต่ตรวจพบเชื้อทันที ซึ่งได้มีการติดตามศึกษารวบรวมข้อมูลถึงการให้ทันทีดีหรือไม่ ยาเพียงพอแค่ไหน

สำหรับศักยภาพ รพ.จุฬาภรณ์ ในการรองรับผู้ป่วยโควิดขณะนี้ ศ.นพ.นิธิ กล่าวว่า รพ.จุฬาภรณ์ เน้นรับผู้ป่วยอาการปานกลางระดับเหลืองและเขียว เนื่องจากเราไปเน้นการเป็นศูนย์ล้างไตให้กับผู้ป่วยโควิด ที่ผ่านมาผู้ป่วยโรคไต ซึ่งต้องล้างไตประจำแต่ต้องกลายเป็นผู้ป่วยโควิดด้วย หรือแม้แต่ผู้ป่วยโรคไตที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อ ไม่มีศูนย์ไหนอยากให้ไปล้างไต เราจึงนำเตียงผู้ป่วยมาดูแลรองรับผู้ป่วยโรคไตที่ติดโควิดเหล่านี้ เป็นการช่วยอุดจุดโหว่ให้ผู้ป่วยไตที่ติดโควิดเข้าถึงการรักษา


อีกเรื่องสำคัญที่เรากำลังติดตามศึกษา คือการเปิดคลินิกดูแลรักษาอาการระยะยาวหลังจากหายป่วยโควิด-19 เช่น สมองเบลอคิดไม่ออก ปวดเมื่อยตามตัว ปอดหรือหัวใจมีปัญหา ประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆ ลดลง เพราะยังมีอาการอักเสบในร่างกายตลอด ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งที่ยังไม่ค่อยมีการพูดถึง ซึ่งพบได้ทั้งคนที่มีอาการและไม่มีอาการ ขณะนี้เรากำลังศึกษาและรวบรวมข้อมูลเพื่อเปิดให้บริการกลุ่มคนเหล่านี้ ในต่างประเทศมีการดำเนินการแล้ว เนื่องจากมีการระบาดมากมาก่อนเรา และเริ่มเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยหลังหายจากโควิดไปประมาณ 1-3 เดือน โดยพบมีสัดส่วนประมาณ 20-30%.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง