กรม สบส.24 มิ.ย.-กรม สบส.เตือนภัยโฆษณาจองวัคซีนโควิด- 19 ผ่านเว็บไซต์ พบการกระทำผิดในลักษณะนายหน้าเรียกเก็บเงินเพื่อรับบริการฉีดวัคซีนทางเลือก แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย กลับไม่สามารถรับบริการได้จริง เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน แนะผู้ที่ประสงค์รับวัคซีนโควิด- 19 ให้ติดต่อสถานพยาบาลเองโดยตรง อย่าจองผ่านนายหน้า
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ด้วยกรม สบส.ได้รับเบาะแสการโฆษณาเปิดจองวัคซีนโควิด- 19 ผ่านเว็บไซต์แห่งหนึ่ง โดยเว็บไซต์ดังกล่าวมีการกระทำในลักษณะนายหน้าเรียกเก็บเงินจากประชาชน เพื่อเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ยี่ห้อโมเดอร์นา (Moderna) จากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาที่นัดหมายกลับไม่สามารถรับบริการฉีดวัคซีนได้ จึงมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่กรม สบส.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้รับบริการ
โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และสอบถามข้อเท็จจริงจากบุคลากรของโรงพยาบาลที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่งทางโรงพยาบาลฯให้การกับพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าว อีกทั้งข้อมูล ณ ปัจจุบันยังไม่พบว่ามีการนำวัคซีนยี่ห้อโมเดอร์นาเข้ามาภายในประเทศไทย จึงตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่าเป็นการโฆษณาหลอกลวงประชาชน โดยผู้แทนของโรงพยาบาลฯได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแล้ว
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชนทุกคนได้รับวัคซีนโควิด- 19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว แต่หากประชาชนท่านใดต้องการรับบริการวัคซีนทางเลือก ก็ขอให้ติดต่อผ่านทางสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากภาครัฐโดยตรง ไม่ควรจองผ่านนายหน้า ด้วยการโฆษณาจองวัคซีนโควิด- 19 ของนายหน้าเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจากภาครัฐ จึงอาจจะทำให้ถูกหลอกลวงเงินทอง หรือเกิดอันตรายจากบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน
ขณะที่เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.นพ.วิทูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อํานวยการองค์การเภสัชกรรม ชี้แจงถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีน โมเดอร์นา เป็นวัคซีนทางเลือก ว่า องค์การเภสัชกรรม เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ทําหน้าที่อํานวยความสะดวกในการจัดซื้อระหว่างบริษัท ซิลลิก ฟาร์มา จํากัด กับโรงพยาบาลเอกชน ตามแนวทางข้อกําหนด การดําเนินงานของบริษัทโมเดอร์นาต่างประเทศ องค์การฯ ไม่ได้เป็นผู้นําเข้า
ขณะนี้ องค์การเภสัชกรรม อยู่ในขั้นตอนการจัดทําร่างสัญญา ระหว่างองค์การฯ กับบริษัทซิลลิกฯ ให้สอดคล้องกับกฎหมายของประเทศไทยและต่างประเทศใกล้เสร็จแล้ว อาทิ สัญญาซื้อขาย สัญญาบริการ หลังจากนั้นองค์การเภสัชกรรมจะส่งร่างสัญญา ซื้อขายดังกล่าวให้อัยการสูงสุดพิจารณา คาดว่าจะมีการลงนามสัญญาซื้อขาย (Supply Agreement) กับบริษัทซิลลิกฯ ได้ในต้นเดือนสิงหาคม 2564
ทั้งนี้ องค์การฯ ได้มีการชี้แจงแนวทางการดําเนินการดังกล่าวให้กับทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งได้ข้อสรุปว่า องค์การฯ จะได้รับการจัดสรรวัคซีนโมเดอร์นาจาก บริษัทซิลลิกฯ ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตทะเบียนวัคซีนในประเทศไทย จํานวน 5 ล้านโดส โดยทางบริษัทจะทยอยจัดส่งให้องค์การฯ ในไตรมาสที่ 4/2564 ถึงเดือนมกราคม 2565
ที่ผ่านมาได้ประสานงานกับโรงพยาบาลเอกชนเพื่อคาดการณ์การจองวัคซีนอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า จํานวนที่จองมีมากกว่าจํานวนวัคซีนที่จะได้รับการนําเข้า ดังนั้น โรงพยาบาลจึงขอกลับไปทบทวนเพื่อปรับจํานวนการสั่งซื้ออีกครั้ง และภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2564 องค์การเภสัชกรรมจะมีการประชุมบอร์ด ซึ่งจะมีความชัดเจนเรื่องราคาที่จําหน่ายให้กับโรงพยาบาล เป็นราคาที่รวมค่าจัดเก็บ ค่าขนส่ง ค่าประกันภัยรายบุคคลฉีดวัคซีน และภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว พร้อมแจ้งให้โรงพยาบาลรับทราบภายในต้นกรกฎาคม 2564 เพื่อให้แจ้งยืนยันจํานวนวัคซีน ที่สั่งซื้อภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 เมื่อรับคําสั่งซื้อพร้อมงบประมาณจากโรงพยาบาล องค์การฯ จะเซ็นสัญญา สั่งซื้อกับบริษัทซิลลิกฯ ต่อไป คาดว่าประมาณเดือนสิงหาคม 2564 .-สำนักข่าวไทย