กรุงเทพฯ 20 มิ.ย.-รองปลัด กทม. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือแนวทางควบคุม คลัสเตอร์ย่านโบ๊เบ๊ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย หลังพบแรงงานต่างด้าวติดเชื้อโควิด-19
นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมหารือติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และกลุ่มกรุงเทพกลาง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในลักษณะกลุ่มก้อน (Cluster) เกิดขึ้นในย่านโบ๊เบ๊ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่เป็นลูกจ้าง ซึ่งมีการอยู่อาศัยอย่างแออัด และมีโอกาสนำเชื้อมาติดนายจ้างหรือผู้ร่วมงานชาวไทย โดยที่ผ่านมานั้นมีข้อจำกัดในการสื่อสาร และการเข้าถึงการตรวจและรักษาพยาบาลต่างๆ ที่ประชุมในวันนี้จึงได้หารือเพื่อหาแนวทางร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอสนับสนุนการตรวจหาเชื้อในชาวต่างชาติโดยไม่จำกัดสิทธิในการรักษา ขอสนับสนุนการรักษาพยาบาลหรือขอให้มีโรงพยาบาลสนามสำหรับชาวต่างชาติ ขอให้พิจารณาสนับสนุนวัคซีนสำหรับพื้นที่แพร่ระบาด เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ สร้างความปลอดภัยทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อ และเพื่อให้การค้าต่างๆ สามารถดำเนินการต่อไปได้
สำหรับแนวทางการควบคุม Cluster ย่านโบ๊เบ๊ ที่ประชุมให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและผู้ค้ารับทราบแนวปฏิบัติต่างๆ ตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของตลาด ตลาดนัด ตลาดสด ที่กรุงเทพมหานคร กำหนด โดยในส่วนของการจัดทำทะเบียนผู้ค้าให้เพิ่มเติมข้อมูลผลการตรวจหาเชื้อในทางเดินหายใจ (PCR) ครั้งล่าสุด และวันที่ตรวจ พร้อมทั้งจัดทำบัตรประจำตัวสำหรับผ่านเข้าออกพื้นที่ให้แก่ผู้ค้า ทั้งในส่วนของเจ้าของแผงค้าและลูกจ้างแผงค้าที่มีผลตรวจเป็นลบ สำหรับผู้ที่ยังไม่มีผลตรวจ PCR ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตรวจ PCR ให้เจ้าของแผงค้า ลูกจ้างทั้งชาวไทยและต่างด้าว ประการสำคัญให้ประสานความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคง และผู้ประกอบการในการตรวจสอบบัตรผ่านเข้าออกของผู้ให้บริการประจำแผงค้า รวมทั้งตรวจคัดกรองผู้ใช้บริการหรือผู้ที่ต้องการเข้าไปซื้อสินค้าด้วย ทั้งนี้หากร้านค้าหรือแผงค้าใดมีผู้ติดเชื้อให้ปิดกิจการ 14 วัน และกักผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดที่หน่วยงานราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
ในส่วนชุมชนรอบโดยรอบ ให้สำรวจหอพักหรือบ้านเช่าที่มีสภาพเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น มีผู้พักอาศัยจำนวนมาก มีการใช้ห้องน้ำรวม เป็นต้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้ความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด-19 รวมถึงการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด ทั้งนี้หากเป็นที่พักอาศัยของผู้ทำงานส่วนใหญ่ในย่านตลาดโบ๊เบ๊ อาจนำมาตรการ Bubble and Seal มาปรับใช้ โดยจะต้องมีการทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการและผู้อยู่อาศัยก่อนการ Seal อย่างไรก็ดีหากที่พักดังกล่าวมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอาศัยร่วมอยู่ด้วย และไม่สามารถแยกกักได้ อาจจำเป็นต้อง Local Quarantine (LQ) เพิ่มเติม เพื่อแยกกักกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว
ทั้งนี้ให้สำนักงานเขตสำรวจผู้ประกอบการหรือลูกจ้าง โดยให้จัดทำรายชื่อแรงงานต่างชาติอย่างเป็นระบบ ทั้งในอาคารโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ ตลาดผลไม้ และแผงลอยบริเวณโดยรอบ เพื่อเตรียมการเข้าตรวจเชิงรุกเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย