กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – “นพ.ธีระวัฒน์” ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ ระบุผู้ที่ได้รับวัคซีนชิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว และผ่านไป 3-4 สัปดาห์ พบมีหลายรายที่มีระดับภูมิคุ้มกันสูงเพียง 20-30% แนะอาจต้องฉีดเข็มที่ 3
นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงผู้ที่ได้รับวัคซีนชิโนแวค ครบ 2 เข็มไปแล้ว และผ่านไป 3-4 สัปดาห์ พบว่ามีหลายรายที่มีระดับภูมิคุ้มกันสูงเพียง 20-30%
โดยข้อมูลของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ ได้แบ่งผู้รับวัคซีนออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ 1.คนที่ได้รับวัคซีนตามปกติจะมีการตอบสนองที่สูง กลาง และต่ำ เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ต้องขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิ เช่น วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า ต้องฉีด 3 เข็ม ในวันที่ศูนย์ 3 และ 7 ถึงจะเริ่มเห็นภูมิคุ้มกันในเลือดประมาณวันที่ 10 และขึ้นในทุกคนในวันที่ 14 ดังนั้น วัคซีนชิโนแวคต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน จากนั้นทำการประเมินในสัปดาห์ที่ 3 หรือ 4 ทั้งนี้ ควรจะต้องมีภูมิขึ้นในระดับน่าพอใจในทุกคน
2.ในบางกลุ่มที่ได้รับวัคซีน ปรากฏว่าไม่มีภูมิขึ้นเลย (น้อยกว่า 20%) อาจเป็นไปได้ว่าวัคซีนในชุดเดียวกันนั้นอาจจะมีปัญหา 3.มีภาวะประจำตัวที่สำคัญ เช่น สูงอายุ และมีเบาหวาน ที่ภูมิไม่ขึ้น ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลของสถาบันแห่งหนี่ง 4.เริ่มมีการรายงานผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งๆ ที่ฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็ม และแอสตราฯ 1 เข็มแล้ว บางรายที่ตรวจวัดภูมิคุ้มกันว่าขึ้นแต่ไม่สูงมาก ดังนั้น ในกรณีที่ภูมิไม่ขึ้นหรือขึ้นน้อยกว่า 68% ซึ่งเป็นตัวเลขในทางทฤษฎีที่มีความสัมพันธ์กับการป้องกันการติด อาจจะต้องพิจารณาถึงการได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อเก่าหรือยี่ห้อใหม่ก็ตาม
นอกจากนั้นในกรณีของการเกิดอาการแพ้หรือมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนอะไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าทำให้ภูมิคุ้มกันยิ่งสูงขึ้น เพราะเป็นการอักเสบผ่านทางคนละระบบ.-สำนักข่าวไทย