กรมสอบสวนคดีพิเศษ 2 มิ.ย.- ญาติบุกดีเอสไอทวงถามความคืบหน้าคดี “วันเฉลิม-สยาม” หายตัวครบ 1 ปี จี้รัฐเร่งผ่าน พ.ร.บ ป้องกันซ้อมทรมานและกระทำให้คนหาย
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม พร้อมด้วย น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือพี่สาวของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้สูญหายในประเทศกัมพูชา และนางกัญญา ธีรวุฒิ มารดานายสยาม ธีรวุฒิ ผู้สูญหายในประเทศเวียดนาม เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ เพื่อติดตามสำนวนคดีและสอบถามความคืบหน้าคดีการบังคับสูญหาย
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า รัฐไทยมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของประชาชนคนไทยไม่ว่าจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศที่ผ่านมาพบว่ามีบุคคลสูญหายในต่างประเทศหรือระหว่างการเดินทางในต่างประเทศแบบผิดปกติ โดยเฉพาะกรณีของนายวันเฉลิมและนายสยาม มีการถูกบังคับให้สูญหายแต่คดีไม่มีความคืบหน้าหรือมีความชัดเจนในการสืบสวน ทั้งๆที่การหายตัวไปของบุคคลเหล่านี้ไม่ได้หายแบบปกติ แต่มีข้อมูลชี้ว่าเกิดจากการกระทำของขบวนการและมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ซึ่งในคลิปมีการอุ้มหายจากย่านที่พักอาศัย คดีนี้ถือว่าเป็นการถูกบังคับให้สูญหายในต่างประเทศ
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอเคยทำคดี นายพอลละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ กะเหรี่ยงบ้านบางกลอยถูกเจ้าหน้าที่รัฐบังคับให้สูญหายจนประสบความสำเร็จ จึงหวังว่า 2 กรณีดังกล่าว ดีเอสไอจะดำเนินการให้มีความชัดเจนเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมามูลนิธิผสานวัฒนธรรม จัดรวบรวมรายชื่อประชาชนผู้เห็นด้วยกับการผ่านร่างพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย จำนวน 30,000 รายชื่อ ผ่านทางเว็บไซต์ http://chng.it/JVTLN8GqH8 ตั้งแต่วันที่ 27พ.ค.-26 มิ.ย.64 เพื่อนำรายชื่อทั้งหมดเสนอต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้เร่งรัดลำดับวาระพิจารณาผ่านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งมีผู้เสนอรวมทั้ง 4 ฉบับ ประกอบด้วย ฉบับของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐร่วมกับ พรรคก้าวไกล ฉบับของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ฉบับของ ส.ส.พรรคประชาชาติ และฉบับของรัฐบาล โดยกระทรวงยุติธรรม เข้าสู่ที่ประชุมสภาและมีมติให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อปกป้องประชาชนไม่ให้ถูกบังคับสูญหายจากเจ้าหน้าที่รัฐ
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ เผยว่า ดีเอสไอมอบหมายกองคดีความมั่นคง ให้เร่งติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริง พยานหลักฐานและทำความจริงให้ปรากฏแต่เนื่องจากคดีนี้้เกิดขึ้นในต่างประเทศนานกว่า 1 ปี และการสูญหายของบุคคลทั้ง 2 รายเกิดขึ้นระหว่างอาศัยอยู่ในกัมพูชาและเวียดนาม ในการทำคดีระหว่างประเทศทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะแต่งตั้งพนักงานอัยการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ต่างจากคดีของบิลลี่ ซึ่ง ดีเอสไอสามารถดำเนินการได้ตามอำนาจหน้าที่-สำนักข่าวไทย