ศธ.1มิ.ย.-ศธ.ดีเดย์ 7 มิ.ย.เตรียมฉีดวัคซีนครูทั่วประเทศ ในกรุงเทพฯฉีดที่สถานีกลางบางซื่อ มอบหมาย ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประสานกรมควบคุมโรค จัดทำข้อมูลครูเพื่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนค่อนข้างครบทุกคน คาดวันแรกจะฉีดได้ประมาณ 3 หมื่นคน หลังจากนั้นทยอยฉีดให้ครบ
นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แถลงข่าว 4 ประเด็นน่าสนใจ “การปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย (Work from Home)–การฉีดวัคซีนให้กับครู–ข้อมูลโรงเรียนที่เปิดเทอม–แนวปฏิบัติเก็บค่าเทอมลดภาระผู้ปกครองยุคโควิด”
การปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย (Work from Home) เดือนมิถุนายน 2564
ปลัด ศธ. กล่าวว่า ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 แยกเป็น 2 ส่วน คือหน่วยงานที่ไม่ใช่สถานศึกษา ในพื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด ให้จัดบุคลากรหมุนเวียนมาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ทำงาน 10% และ Work from Home 90% ส่วนพื้นที่อื่นๆ อีก 73 จังหวัด ให้หน่วยงาน เช่น สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ฯลฯ จัดบุคลากรหมุนเวียนมาปฏิบัติงานตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้นตามบริบทสถานศึกษา ให้ดำเนินการตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด และประกาศ ศธ. เรื่อง การเลื่อนเวลาการเปิดภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2564 ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ซึ่งในพื้นที่สีแดงเข้ม ศบค.ห้ามใช้พื้นที่และอาคารสถานที่ในการเรียนการสอน แต่ไม่ได้ห้ามหากโรงเรียนจะจัดการเรียนออนไลน์หรือทางไกลในระหว่างนี้ ส่วนพื้นที่อื่น ๆ เช่น ประจวบคีรีขันธ์ แม้โรงเรียนส่วนใหญ่จะเปิดภาคเรียนแล้ว แต่ก็ยังคงใช้การสอนออนแอร์และออนไลน์อยู่ เพราะยังคงระวังเรื่องความปลอดภัย
ข้อมูล รร.ที่เปิดเทอม 1/2564
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ได้สำรวจโรงเรียนที่พร้อมเปิดภาคเรียน จำนวน 28,698 แห่ง (ไม่รวมการศึกษาพิเศษ) โดยเป็นโรงเรียนที่เปิดภาคเรียนและจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียน (On Site) แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน จำนวน 12,571 แห่ง, เปิดภาคเรียนในวันที่ 14 มิถุนายน จำนวน 15,951 แห่ง และเปิดภาคเรียนในช่วงวันที่ 2-13 มิถุนายน อีก 171 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์และบริบทของแต่ละแห่ง ซึ่งสถานศึกษาส่วนใหญ่จะเรียนด้วยวิธีผสมผสานทั้ง 5 รูปแบบการสอน (On Site – On Air – On Hand – On Demand – Online) ไม่มีวิธีใดวิธีหนึ่งโดยเฉพาะ แม้แต่โรงเรียนที่เปิดแบบ On Site เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของครูและนักเรียนเป็นสำคัญ ไม่ได้เอาโรงเรียนหรือครูเป็นฐาน หรือครูกำหนดให้ เพราะที่ผ่านมามีปัญหานักเรียนไม่มีอุปกรณ์ แต่ครั้งนี้มีการสำรวจตามความพร้อมของนักเรียน และเป็นไปตามความสมัครใจของนักเรียนในการเรียนตามช่องทางต่าง ๆ
โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เช่น จำนวนครูสอนออนไลน์จากบ้านไปยังเด็ก หรือเด็กที่เรียนออนไลน์จากบ้าน เพื่อประสาน กสทช.ช่วยเหลือดูแลค่าอินเทอร์เน็ตให้ครูและนักเรียนต่อไป อีกทั้งขณะนี้ สพฐ.ได้แจ้งกสทช. ขอรับการสนับสนุนให้มีการเรียนผ่าน On Air เพิ่มเติมทางช่อง TPBS, ททบ.5 และช่อง 9 MCOT แล้ว ซึ่งจะมีรายการของ สพฐ. ตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป
ส่วนโรงเรียนประจำ ได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เข้าไปช่วยดูแลด้านสุขอนามัยของนักเรียนในการเตรียมการเปิดภาคเรียน เพื่อคัดกรองและแนะนำการปฏิบัติตัวภายในโรงเรียน พร้อมทั้งให้คำแนะนำกับครูอนามัยในโรงเรียนประจำ โดยเฉพาะกลุ่มโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ที่มีนักเรียนเดินทางมาจากหลากหลายพื้นที่ จะต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยหากเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ต้องจัดเป็นกลุ่มและประเมินสถานการณ์ 14 วัน หลังจากนั้นค่อยเข้าสู่ระบบการเรียนปกติ
การฉีดวัคซีนให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา
ปลัด ศธ. กล่าวถึงการฉีดวัคซีนให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาว่า ขณะนี้ครูหลายพื้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้วันที่ 7 มิ.ย.64 เป็นวันดีเดย์ของการฉีดวัคซีนครูทั่วประเทศ โดยเฉพาะครูในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม จะดำเนินการฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ โดยมอบหมายให้ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประสานกับกรมควบคุมโรคจัดทำรายละเอียดข้อมูลครู เพื่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนค่อนข้างครบทุกคน โดยในวันแรกจะฉีดได้ประมาณ 3 หมื่นคน หลังจากนั้นจะทยอยฉีดให้ครบต่อไป
ส่วนในต่างจังหวัดได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและศึกษาธิการจังหวัดให้ประสานร่วมกัน และมอบหมายให้ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการจัดทำรายละเอียดบัญชีรายชื่อของครูแต่ละโรงเรียนให้กับจังหวัด เพื่อให้ครูเข้ารับการฉีดวัคซีนทันทีจังหวัดได้รับวัคซีน
แนวปฏิบัติเก็บค่าเทอมลดภาระผู้ปกครองยุคโควิด
ปลัด ศธ. กล่าวว่า สำหรับประกาศแนวปฏิบัติเก็บค่าเทอมลดภาระผู้ปกครองยุคโควิด 19 เนื่องจากโรงเรียนในประเทศไทยมีจำนวนมากและหลากหลายรูปแบบ ทั้งโรงเรียนในสังกัดของรัฐและเอกชน ซึ่งมีการดำเนินการที่แตกต่างกัน โดยหลักจะมีค่าธรรมเนียมการศึกษาปกติ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าแอร์ ค่าว่ายน้ำ ครูสอนภาษาต่างประเทศ ฯลฯ ในช่วงนี้จะมีการจัดการเรียนการสอนหลากหลาย อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหรือลดลงแตกต่างกันไปตามรูปแบบการจัดการเรียนการสอน
ซึ่งประกาศดังกล่าว ได้แนะนำให้สถานศึกษา หากมีค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่ไม่ได้เป็นการให้บริการ อาจให้โรงเรียนลดหย่อน เช่น ในกรณีที่ได้มีการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นไปแล้ว ให้คืนเงินบำรุงการศึกษาหรือค่าธรรมเนียมดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนนั้นในระหว่างที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องมีความเห็นร่วมกันระหว่างคณะกรรมการสถานศึกษา สมาคมผู้ปกครองหรือตัวแทนผู้ปกครอง และสถานศึกษา หารือร่วมกัน โดยต้องเป็นความเห็นร่วมกัน เป็นการทำงานด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน เพื่อพัฒนาคุณคุณภาพการศึกษาของเยาวชนไทย
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สพฐ.เป็นโรงเรียนของรัฐที่มีรูปแบบการจัดการเรียนการสอนหลายรูปแบบ เช่น โรงเรียนบางโรงเรียนจัดแบบลักษณะห้องเรียนพิเศษเฉพาะ เช่น EP MEP มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และโรงเรียนปกติที่ต้องการจัดกิจกรรมเสริม เพื่อให้เกิดคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้น ทั้งนี้ สพฐ.มีประกาศการเก็บเงินบำรุงการศึกษาของสถานศึกษาสังกัด ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เขตพื้นที่การศึกษาและเป็นไปด้วยความสมัครใจของผู้ปกครองและนักเรียน ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ สพฐ.กำหนดแต่ปัจจุบันสถานการณ์การจัดการเรียนการสอนเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องนำประกาศฯ ดังกล่าวมาทบทวน เพื่อให้เชื่อมโยงกับประกาศแนวปฏิบัติเก็บค่าเทอมลดภาระผู้ปกครองยุคโควิดว่า มีส่วนไหนที่ไม่มีความจำเป็น ทำให้เกิดความเดือดร้อนและเป็นภาระของผู้ปกครอง ต้องหาวิธีที่จะลดค่าใช้จ่ายดังกล่าว โดยขึ้นอยู่กับบริบทและความจำเป็นของแต่ละพื้นที่ อีกทั้งให้เป็นความสมัครใจของผู้ปกครองและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย เนื่องจากแต่ละโรงเรียนมีการจัดการศึกษาที่แตกต่างกัน บางอย่างที่เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาอาจจะลดได้หรือไม่ต้องเป็นความเห็นร่วมกันระหว่างผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา โรงเรียน และเขตพื้นที่ ซึ่งโรงเรียนแต่ละแห่งต้องจัดลำดับความสำคัญของรายการทั้งหมด อะไรที่ไม่จำเป็นต้องตัดออกไป .-สำนักข่าวไทย