“อนุทิน” แจงปรับการจองฉีดวัคซีน เป็นผลดี ช่วยกันทำงาน

สธ. 27 พ.ค.- “อนุทิน” แจงหลังลดบทบาท “หมอพร้อม” เหลือตรวจสอบอาการและออกใบรับรองการฉีด โอนการจองจังหวัด ชี้เป็นผลดี ช่วยกันทำงาน ส่วนวัคซีนแอสตราเซเนกา ยังเป็นเรื่องมาตามกรอบ มิ.ย. แต่ทัน 7 มิ.ย.หรือไม่ แบ่งรับแบ่งสู้ เพราะขยายซิโนแวคฉีดได้ในผู้สูงอายุ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการจองและจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ที่มีการปรับเปลี่ยน ว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นการช่วยกันทำงาน โดยมีการบูรณาการร่วมกัน กับหลายภาคส่วน ในการลงทะเบียน จองวัคซีน อาจใช้แอปพิลเคชันของจังหวัด หรือ อสม.ในพื้นที่ ซึ่งการบริการจัดการวัคซีนนี้ทำร่วมกันระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด และ นายแพทย์สาธารณสุข ส่วนการคำนวณวัคซีน จะนำจำนวนวัคซีนมาหารด้วยจำนวนจังหวัด และเปรียบอัตราส่วนการระบาดในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะทำให้การจัดสรรวัคซีนแต่ละจังหวัดย่อมไม่เท่ากัน แปรผันตามสถานการณ์การระบาด ไม่ได้คำนวณว่าจังหวัดไหนมีจำนวนมาประชากรมากอย่างเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ ศบค.จะเป็นผู้ดำเนินการจัดสรร ส่วนหมอพร้อมยังคงเป็นแอปฯ ที่ใช้ในการตรวจสอบอาการหลังรับวัคซีนและใช้ในการออกใบรับรองเมื่อได้รับวัคซีนครบ 2 โดส

นายอนุทิน ยังกล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะหารือกับบริษัทแอสตราเซเนกา เพื่อติดตามผลความคืบหน้าการจัดสรรวัคซีน โดยวัคซีนแอสตราเซเนกา ยังมาตามากรอบเดิมในเดือนมิถุนายน ส่วนจะทันฉีดตามกรอบของรัฐบาลที่กำหนดไว้ 7 มิ.ย. นั้นหรือไม่ ต้องขอย้ำว่าการเดินหน้าฉีดวัคซีนของไทยมีมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ไม่ใช่เพิ่งมาฉีดและวัคซีนก็ไม่ได้มีแค่แอสตราเซเนกา แต่ยังมีซิโนแวค การฉีดในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มโรค ยังดำเนินการเหมือนเดิมตามปกติ ส่วนวัคซีนที่จะฉีดจะเป็นซิโนแวคก็สามารถทำได้ เพราะวัคซีนซิโนแวค ได้ขยายฉีดได้ถึงกลุ่มผู้สูงอายุแล้ว ไม่ได้จำกัด แค่กลุ่มอายุ 18-59 ปี อีกต่อไป

นายอนุทิน กล่าวว่า วัคซีนที่นำมาฉีดให้กับประชาชนมีคุณภาพ ทุกตัว ทั้งซิโนแวคและแอสตราเซเนกา สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี ลดการอัตราการเสียชีวิต การเจ็บป่วยรุนแรง ทั้งนี้ไม่อยากให้ประชาชนโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ คิดแต่จะเลือกวัคซีนในการฉีด ว่าจะรอแต่แอสตราเซเนกา ไม่เอาซิโนแวค เพราะวัคซีนนี้เป็นวัคซีนที่รัฐบาลจัดสรรและมีความปลอดภัย ส่วนกระแสข่าวอียูกดดันให้ บ.แอสตราเซเนกา ต้องจัดส่งวัคซีนให้ 90 ล้านโดส หลังจากเกิดสถานการณ์การระบาดในหลายประเทศ ทำให้ประเทศที่เป็นฐานการผลิต ใช้อำนาจตามกฎหมาย ห้ามส่งออกยาและเวชภัณฑ์ เพื่อให้วัคซีนในประเทศของตนมีเพียงพอ เรื่องนี้ตนก็มีแนวคิด แต่ทั้งนี้ทางแอสตราเซเนกา ยังไม่ได้ผิดสัญญาเพราะกรอบคือมิถุนายน แต่หากว่าถึงเวลาการจัดส่งวัคซีนให้ไทยไม่เป็นไปตามสัญญาที่กำหนด และเกิดผลกระทบกับคนไทย ก็พร้อมที่ใช้กฎหมายดังกล่าว เพื่อให้การควบคุมโรค และสถานการณ์การระบาดของไทยควบคุมได้ แต่หากไทยไม่ได้มีสถานการณ์ระบาดรุนแรงการจัดสรรวัคซีนของแอสตราเซเนกา ที่ผลิตในไทย ก็สามารถบริหารจัดการได้ตามสัดส่วนที่เหมาะสม .-สำนักข่าวไทย