กทม.รุกตรวจโควิด 250 ชุมชน เข้มแคมป์คนงาน

กทม. 25 พ.ค.-กทม.รุกตรวจหาเชื้อโควิด-19 ใน 250 ชุมชน คุมเข้มแคมป์คนงาน พร้อมสำรวจและเพิ่มความเข้มข้นเฝ้าระวังผู้สูงอายุ


พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (รองผู้ว่าฯ กทม.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) เป็นประธานการประชุม ศบค.กทม. ครั้งที่ 34/2564 โดยมีคณะผู้บริหาร กทม. ผู้แทนสำนัก ผู้แทน กอ.รมน.กทม. ผู้แทนกลุ่มเขต และผู้แทนส่วนราชการในสังกัด กทม.ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)

ควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้แล้วหลายคลัสเตอร์
สำนักอนามัย ได้รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดลักษณะเป็นกลุ่มก้อน (Cluster : คลัสเตอร์) ทั้งสิ้น 43 คลัสเตอร์ โดยมีไซต์งานก่อสร้างอาคารรัฐสภาเกียกกายเป็นคลัสเตอร์ล่าสุด (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พ.ค.64) มียอดผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 500 คน มีที่พักคนงาน (แคมป์) ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ขณะนี้ได้สั่งปิดไซต์งานดังกล่าวแล้ว โดยศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) 38 ดุสิต สำนักงานเขตดุสิต และกองควบคุมโรค สำนักอนามัย อยู่ระหว่างลงพื้นที่สอบสวนโรคเพิ่มเติม เพื่อติดตามบริษัทที่เข้ามาทำงานในไซต์งานทั้งหมด


อย่างไรก็ดี แม้ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีการแพร่ระบาดหลายคลัสเตอร์ แต่กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประสานความร่วมมือควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด โดยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว รวม 10 คลัสเตอร์ เช่น แคมป์คนงานก่อสร้าง ในพื้นที่เขตวัฒนา บริษัทประกันลาดปลาเค้า เขตลาดพร้าว บริษัทขายตรงตึกเอ็มไพร์ เขตสาทร ชุมชนบ่อนไก่ เขตปทุมวัน ชุมชนวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ตลาดบุญเรือง เขตประเวศ เป็นต้น

เร่งตรวจเชิงรุกค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน 250 ชุมชน
กทม.กำหนดดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในชุมชน (Sentinel Surveillance) เชิงรุก ระหว่างวันที่ 27 พ.ค. – 5 มิ.ย.64 ดังนี้ วันที่ 27 พ.ค.64 เขตดินแดง คลองเตย ห้วยขวาง บางเขน จตุจักร
วันที่ 28 พ.ค.64 บางแค ลาดพร้าว วัฒนา วังทองหลาง ปทุมวัน
วันที่ 29 พ.ค.64 บางกะปิ สวนหลวง จอมทอง ราชเทวี ธนบุรี
วันที่ 30 พ.ค.64 ภาษีเจริญ ดุสิต สายไหม ยานนาวา สาทร
วันที่ 31 พ.ค.64 บางกอกน้อย ป้อมปราบศัตรูพ่าย บางขุนเทียน บึงกุ่ม พญาไท
วันที่ 1 มิ.ย.64 บางซื่อ คลองสาน บางพลัด บางคอแหลม คลองสามวา
วันที่ 2 มิ.ย.64 ราษฎร์บูรณะ ประเวศ ดอนเมือง หนองแขม ตลิ่งชัน วันที่ 3 มิ.ย.64 คันนายาว หลักสี่ บางกอกใหญ่ ทุ่งครุ บางนา
วันที่ 4 มิ.ย.64 ทวีวัฒนา พระนคร พระโขนง ลาดกระบัง มีนบุรี และ วันที่ 5 มิ.ย.64 บางรัก บางบอน สะพานสูง สัมพันธวงศ์ หนองจอก โดยจะสุ่มตรวจหาเชื้อในน้ำลายประชาชนในชุมชนต่างๆ เป้าหมายเขตละ 5 ชุมชน ชุมชนละ 300 ราย รวมจำนวน 250 ชุมชน 15,000 ราย

สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกชุมชนในพื้นที่เขต เช่น เป็นชุมชนที่มีผู้ป่วย ตั้งแต่ 1 เม.ย.เป็นต้นมา หรือเป็นชุมชนที่มีทั้งคนไทยและคนต่างด้าวที่พักอาศัยในชุมชน เพื่อเฝ้าระวังและค้นหาผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อโควิด ครอบคลุมในชุมชนพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด ตลอดจนเฝ้าระวังแนวโน้มการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ และตรวจจับการระบาดได้ทันท่วงที


คุมเข้มไซต์งานก่อสร้างและแคมป์คนงาน
ที่ประชุมได้หารือถึงมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในไซต์งานก่อสร้างและที่พักคนงานก่อสร้าง (แคมป์คนงาน) โดยมอบสำนักการโยธา ประสานขอความร่วมมือบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ซึ่งวันนี้ (25 พ.ค.) สำนักการโยธาได้เชิญบริษัทก่อสร้างร่วมประชุม โดยนายชวินทร์ ศิรินาค รองปลัด กทม. ได้ชี้แจงถึงมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ตามที่ กทม.กำหนด เช่น ไม่ใช้ของใช้ร่วมกัน โดยเฉพาะขอให้งดดื่มน้ำแก้วเดียวกัน การรักษาระยะห่างระหว่างการทำงาน การสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะทำงาน เป็นต้น

ที่ประชุมจึงกำชับให้สำนักงานเขต สำรวจและกำกับดูแลให้ไซต์งานก่อสร้าง รวมทั้งแคมป์คนงานในพื้นที่ ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ ขอให้รายงานไปยังสำนักการโยธา เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

สำรวจและเพิ่มการเฝ้าระวังกลุ่มผู้สูงอายุเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ กลุ่มผู้สูงอายุเป็นกลุ่มเสี่ยง และมีแนวโน้มเป็นอันตรายรุนแรง หากได้รับเชื้อโควิด-19 ที่ประชุมจึงขอให้สำนักงานเขตสำรวจตรวจสอบบ้านพักหรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ โดยให้คำแนะนำให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อาทิ ตรวจสอบความแออัดการพักอาศัย การจัดให้มีจุดล้างมือ น้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์ล้างมือ อย่างพอเพียง การตรวจคัดกรองผู้ที่จะเข้าไปยังสถานที่ดังกล่าว รวมทั้งให้ตรวจสอบสุขลักษณะอนามัยสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น ความสะอาดของพื้นที่ การถ่ายเทอากาศ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

สุดจึ้ง! ซาลาเปาแฟนซีแฮนด์เมด รายได้ครึ่งล้านต่อเดือน

“คุณจารุวรรณ” วัย 78 ปี พร้อมครอบครัว ช่วยกันคิดค้นสูตรซาลาเปาแฟนซีเป็นเจ้าแรกใน จ.ตรัง ส่งขายทั่วทุกภาคของประเทศ สร้างรายได้เดือนละ 450,000-500,000 บาท และมีแผนส่งออกไปขายยังต่างประเทศในต้นปีหน้า

เจ้าของคลินิกซิ่งชนไรเดอร์ตกสะพานเสียชีวิต

เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง ซิ่งเบนซ์ชนไรเดอร์หญิง ตกสะพานต่างระดับย่านพระรามสี่ เสียชีวิต วัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ก่อเหตุ สูงเกินกฎหมายกำหนด

เปิดให้สักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” วันแรก

ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว ถึงยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว พร้อมเชิญชวนประชาชนสักการะ วันนี้ (5 ธ.ค.) วันแรก ตั้งแต่ 07.00 น.เป็นต้นไป

ข่าวแนะนำ

ให้ออกจากราชการแล้ว “ส.ต.อ.” ตบทรัพย์ ซ้ำเติมผู้เสียหาย

จับแล้ว “ส.ต.อ.” สภ.แสนสุข ตบทรัพย์ 150,000 บาท ซ้ำเติมผู้เสียหายคดีฉ้อโกงออนไลน์ ตั้งกรรมการสอบ-ให้ออกจากราชการแล้ว ก่อนแจ้งข้อหาและคุมตัวฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว

แข่งเรือใบ ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า

ทะเลภูเก็ตคึกคัก เรือใบร่วม 200 ลำ จากทั่วโลก ร่วมแข่งขันรายการ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” และร่วมสร้างสีสันการท่องเที่ยว ที่สำคัญปีนี้ยังเป็นปีที่ 2 ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ มาร่วมแข่งขันด้วย

ยังไร้วี่แววส่ง 4 ลูกเรือประมงกลับไทย

เมียนมาเงียบกริบ! ยังไร้วี่แววส่งตัว 4 ลูกเรือประมงกลับไทย จนท.ในพื้นที่เผยจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานใดๆ ที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเมียนมา มีเพียงการประสานจากเนปิดอว์มายังเกาะสองด้วยวาจาเท่านั้น

นายกฯ ยันไม่ปรับ VAT เป็น 15% ย้ำรับฟังทุกภาคส่วน

“นายกฯ แพทองธาร” ยืนยัน ไม่ปรับ VAT เป็น 15% ชี้ ก.คลัง กำลังศึกษาปรับโครงสร้างภาษี ต้องมองทั้งระบบลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ขอให้มั่นใจการทำงานของรัฐบาลรัดกุม