ยอดติดเชื้อยังสูง ศบค. ห่วงคลัสเตอร์แคมป์คนงาน

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – ศบค. เผยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,052 คน เสียชีวิต 24 คน ห่วงคลัสเตอร์คนงาน-เฝ้าระวังลักลอบเข้าเมือง


นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ประจำวันที่ 22 พ.ค.2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 3,052 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 2,406 ราย ในเรือนจำ 605 ราย จากต่างประเทศ 41 ราย เสียชีวิต 24 คน ยังรักษาตัวใน รพ. 42,955 ราย ในจำนวนนี้ อาการหนัก 1,216 ราย (ใส่เครื่องช่วยหายใจ 409 ราย) หายป่วยแล้ว 2,900 ราย ส่งให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 126,118 ราย ผู้เสียชีวิตยอดสะสม 759 คน หายป่วยแล้ว 82,404 ราย

สำหรับการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ตั้งแต่ 1 เมษายน – 22 พฤษภาคม 2564 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 97,255 ราย เสียชีวิตสะสม 665 คน หายป่วยสะสม 54,978 ราย


ผู้เสียชีวิต 24 ราย อันดับ 1 คือ กรุงเทพมหานคร 13 ราย รองลงมาสมุทรปราการ 3 ราย เชียงใหม่ และราชบุรี จังหวัดละ 2 ราย นนทบุรี สุราษฎร์ธานี ยโสธร และนครนายก จังหวัดละ 1 ราย อายุต่ำสุด 31 ปี สูงสุด 96 ปี ติดเชื้อนานที่สุด 41 วัน แสดงให้เห็นว่าอัตราการครองเตียงในโรงพยาบาลนานขึ้น

จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ อันดับหนึ่ง กรุงเทพมหานคร 1,191 คน อันดับ 2 เพชรบุรี 437 คน ตามมาด้วยนนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ยะลา และราชบุรี ส่วนอันดับ 10 มี 4 จังหวัด ได้แก่ ตาก สงขลา สุราษฎร์ธานี และนครปฐม ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสะสม กรุงเทพฯ ยังคงเป็นอันดับ 1 ตามด้วยนนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี เชียงใหม่ ปทุมธานี สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และจังหวัดเพชรบุรี ที่ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 10 พบผู้ติดเชื้อกระจายใน 8 อำเภอ ผู้ป่วยใหม่ 422 คน โดยเฉพาะที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์สัญชาติไทย พม่า กัมพูชา อินเดีย และจีน

สำหรับสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ในกรุงเทพมหานคร เส้นกราฟยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หมายถึงสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ ผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 1,191 คน จากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาลไทย 702 คน ต่างด้าว 189 คน และจากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชนไทย 113 คน ต่างด้าว 187 คน ผู้เสียชีวิต 13 คน พบมีผู้ติดเชื้อแล้วใน 24 เขต ซึ่งทางกรุงเทพมหานครได้บูรณาการการขนส่งผู้ป่วยร่วมกับทุกโรงพยาบาล โดยแบ่งเป็นหกโซนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร


คลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังมีจำนวน 28 แห่ง ซึ่งมีที่พบใหม่ ได้แก่ เขตคลองเตย เป็นแคมป์ก่อสร้างบริษัทอิตาเลียนไทย 1 และแคมป์ก่อสร้างบริษัทอิตาเลียนไทย 2 รวมทั้ง เขตห้วยขวาง มีแคมป์ก่อสร้างอิตาเลียนไทย เช่นกัน

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่าผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศรวม 41 ราย เป็นคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย 35 ราย ซึ่งในการประชุมวันนี้ มีการหารือประเด็นการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งจากสถิติในรอบ 24 ชั่วโมง พบว่ามีการลักลอบเข้าเมืองรวม 191 คน เข้ามาทางชายชายแดนฝั่งเมียนมา 65 คน ชายแดนฝั่งกัมพูชา 64 คน และ สปป ลาว 19 คน ส่วนทางชายแดนฝั่งมาเลเซียไม่มีรายงานการจับกุมได้ ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย และเป็นประเด็นที่พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธาน ศบค. เน้นย้ำเช่นกัน โดยเฉพาะการวางระบบการข้ามแดน โดยจะมีสถานกักกันรูปแบบเฉพาะองค์กร ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ใช้พื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจตะเวนชายแดนที่พร้อมเปิดทำการแล้วทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่ จ.กาญจนบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.ตาก 3 แห่ง ขณะนี้มีผู้ที่เข้าสู่สถานกักกันแล้วรวม 223 ราย เป็นชาย 151 ราย หญิง 72 ราย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีรายงานต่างด้าวเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย แต่นโยบายนายกรัฐมนตรีขณะนี้คือทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จึงขอความร่วมมือทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวหากรู้ตัวว่ามีความเสี่ยง ขอให้แสดงตัวและแจ้งหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเข้ารับการตรวจโควิด นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือผู้ประกอบการในการพาแรงงานมาเข้ารับการตรวจหรือช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย แต่หากเป็นบุคคลที่อยู่ในระบบประกันตนอยู่แล้วก็ดำเนินการตามขั้นตอน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคาม

กทม. 24 ก.ค.-เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคามฝ่ายตรงข้าม โฆษก ทบ. ชี้ชัดเจนแล้ว กัมพูชา เป็นฝ่ายที่บีบบังคับเรา ซัดเราคงไม่ปล่อยให้ใครเอาเปรียบ หรือลอบทำร้าย จากนี้จำเป็นต้องทำในสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ลั่นขณะนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้! ขอให้พี่น้องคนไทย เชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพไทย พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ที่เราเปิดปฏิบัติการ ว่าคือ แผนป้องกันประเทศ ที่กำหนดหน้าที่ของแต่ละหน่วย และกำลังทางทหาร และให้เตรียมความพร้อม เมื่อมีคำสั่ง เป็นแผนที่ได้ถูกกลั่นกรอง โดยประเมินจากสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมในกิจการป้องกันประเทศ ในกรอบของกองทัพบก ที่ผ่านมา ในศึกเขาพระวิหาร ที่ใช้แผนนี้ ปัจจุบันขีดความสามารถกำลังรบเราเป็นอย่างไร โฆษก ทบ. ระบุพัฒนามาตามลำดับ และพิจารณาให้เหมาะสมกับภัยคุกคาม และขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้าม ป้องกันภัยคุกคามจากฝ่ายตรงข้าม ส่วนแผนหลักๆ เป็นการป้องกัน หรือรุกคืบ โฆษก ทบ. ระบุ อาจจะพูดไม่ได้ แต่โดยปกติ อันดับแรกต้องครอบคลุมอธิปไตยของเราก่อน ส่วนเป็นการซีลชายแดนหรือไม่ โฆษก ทบ. ระบุพูดง่ายๆ แผนนี้ […]

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รพ.น่าน อพยพผู้ป่วยด่วน น้ำทะลักท่วมแผนกฉุกเฉิน

น่าน 24 ก.ค.-รพ.น่าน อพยพผู้ป่วยด่วน กลางดึกที่ผ่านมา น้ำทะลักท่วมแผนกฉุกเฉิน จิตอาสา-ทหารเร่งช่วยกลางวิกฤตน้ำหลาก 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 20.30 น. โรงพยาบาลน่าน ประกาศเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด่วนจากแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำไหลหลากทะลักเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางของโรงพยาบาล โดยเฉพาะบริเวณแผนกฉุกเฉิน ซึ่งเป็นพื้นที่รับผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลเร่งด่วน โดยที่ นพ.ณัฐธร ดาราพงศ์สถาพร รองผู้อำนวยการด้านโครงสร้างสิ่งแวดล้อมและพลังงาน กล่าวว่า โรงพยาบาลน่านในขณะนี้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินเป็นการเร่งด่วน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น เครื่องช่วยหายใจ และเครื่องฟอกไต มีการจัดย้ายไปยังแผนกอื่นๆ ที่ปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยังได้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอก ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก จิตอาสา ทหารมณฑลทหารบกที่ 38, มูลนิธิเพชรเกษม, ปภ.จังหวัดน่าน และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ เข้าร่วมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงตั้งแนวกั้นน้ำเพิ่มเติมเพื่อสกัดไม่ให้น้ำไหลเข้าสู่ห้องไอซียูและห้องผ่าตัด ถนนวรวิชัยหน้าโรงพยาบาลน่าน ถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 30–50 เซนติเมตร ทำให้รถพยาบาลไม่สามารถเข้าถึงตัวอาคารได้สะดวก เจ้าหน้าที่ต้องใช้เปลหามเดินลุยน้ำเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร เพื่อรับส่งผู้ป่วยในบางกรณี ขณะนี้ทางโรงพยาบาลน่าน ขอให้ประชาชนที่เจ็บป่วยไม่รุนแรงเดินทางไปยังสถานพยาบาลอื่น ๆ แทน […]

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย