fbpx

ราชทัณฑ์เผยผู้ต้องขังติดโควิดเพิ่มอีกกว่า 1,000 คน

กรุงเทพฯ 15 พ.ค. – กรมราชทัณฑ์ เผยยอดผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มในเรือนจำ พร้อมแจงมาตรการเชิงรุก 100% ยืนยันควบคุมได้


วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2564 เวลา 12.00 น. กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อแบบเชิงรุก 100% โดยเฉพาะในเรือนจำและทัณฑสถานในกลุ่มลาดยาว ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง พบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก จำนวน 1,219 คน ใน 3 เรือนจำ ประกอบด้วย เรือนจำกลางคลองเปรม (510 คน) เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (88 คน) และเรือนจำพิเศษธนบุรี (621 คน) (ข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2564) ทั้งนี้ เป็นผู้ต้องขังกลุ่มสีแดงที่มีการส่งตัวรักษาโรงพยาบาลภายนอก จำนวน 6 ราย ที่เหลือเกือบทั้งหมดเป็นผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ยอดผู้ติดเชื้อที่พบในเวลานี้ สืบเนื่องจากการเร่งตรวจเชิงรุกในผู้ต้องขังแบบ 100% ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการบับเบิ้ลแอนด์ซีลทั่วประเทศ อีกทั้งความสามารถในการตรวจหาเชื้อที่ดำเนินการได้ในปริมาณมากขึ้น จากการสนับสนุนของสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ โรงพยาบาลแม่ข่าย รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ร่วมตรวจหาเชื้อ ด้วยวิธี RT-PCR เพื่อแยกกลุ่มเป้าหมายที่ติดเชื้อและกลุ่มที่ยังไม่ติดเชื้อออกจากกัน จนสามารถตรวจแล้วเสร็จ 100% ในระยะเวลารวดเร็ว ก่อนที่จะรายงานข้อมูลทั้งหมดไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.


ต่อจากนี้ กรมราชทัณฑ์ จะดำเนินการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นใน 2 กรณี คือ 1. การติดเชื้อจากเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ ซึ่งต้องตรวจหาเชื้อทุก 14 วัน พร้อมทั้งเฝ้าระวังไม่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงครอบครัวด้วย 2. การติดเชื้อจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ ผู้ต้องขังไปโรงพยาบาล และผู้ต้องขังออกศาล ได้เพิ่มระยะเวลาในการกักตัว จากเดิม 14 วัน เป็น 21 วัน โดยต้องตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง ก่อนเข้าห้องแยกกักโรค และก่อนครบระยะกักตัว นอกจากนี้ ยังได้หาแนวทางต่างๆ เพื่อลดจำนวนผู้ต้องขังเข้าใหม่ ตลอดจนเน้นการไต่สวนผ่านระบบ Conference เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งผู้ต้องขังไปศาล รวมทั้งเร่งจัดหาวัคซีนป้องกันเชื้อแก่เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง โดยขณะนี้เริ่มฉีดวัคซีนแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำส่วนใหญ่แล้ว สำหรับผู้ต้องขังจะเริ่มต้นในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว จนครอบคลุมผู้ต้องขังทุกรายในที่สุด

พร้อมกันนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้แต่งตั้งคณะทำงานศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรมราชทัณฑ์ (ศกค.รท) เพื่อเป็นการรับมือ แก้ไขและจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะทำให้กรมราชทัณฑ์ สามารถดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเร่งประสานไปยังโรงพยาบาลแม่ข่าย การเตรียมความพร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และสำรองยาที่ใช้รักษาให้เพียงพอ โดยยึดหลักความเท่าเทียมในด้านการรักษาพยาบาลอย่างเสมอภาค

อนึ่ง กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการปกปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด ที่ผ่านมาจำเป็นต้องรอการรวบรวมเพื่อยืนยันยอดหลังตรวจครบ 100% ก่อนรายงาน ศบค. ซึ่งในระหว่างนั้นก็มีกระบวนการรักษาผู้ติดเชื้อตลอดเวลา และหากรายใดต้องการแจ้งให้ญาติทราบ จะมีเจ้าหน้าที่คอยดำเนินการแจ้งเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ต้องขังว่าต้องการแจ้งญาติหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากญาติมีความกังวลใจ สามารถติดต่อสอบถามที่เรือนจำและทัณฑสถานที่ผู้ต้องขังถูกคุมขังอยู่ได้ โดยสามารถค้นหาช่องทางติดต่อได้ที่ Line ID @thaidoc. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนร้อนจัด แนะเลี่ยงทำงานในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง

คดีสะเทือนขวัญ ฆ่าหั่นศพ “ยากูซ่า” จ.นนทบุรี

คดีสะเทือนขวัญ พบชิ้นส่วนมือ ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ล่าสุดตำรวจจับกุมหนึ่งในผู้ต้องหาได้แล้ว และทราบว่าทั้งผู้ตายและผู้ลงมือฆ่าหั่นศพ เป็นแก๊งยากูซ่าชาวญี่ปุ่น

ชาวบ้านร้องโรงงานเก็บสารเคมีเร่งเยียวยาเหตุไฟไหม้

ชาวบ้านที่เดือดร้อนจากเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีอุตสาหกรรม จ.ระยอง เรียกร้องโรงงานช่วยเหลือ บอกน้ำสักขวดก็ไม่ได้

แบงก์ชาติ​ส่งหนังสือให้ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำสะดุด

ปลัดคลัง ระบุแบงก์ชาติ​ส่งหนังสือถึง ครม.ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำให้สะดุด ชี้เป็นข้อเสนอเก่า​​ เดินหน้าตามแผนเดิม​