กทม.14พ.ค.-กทม.เร่งตรวจคัดกรองโรคกลุ่มคนงานก่อสร้างอิตาเลียนไทยฯ ตรวจคัดกรองเชิงรุกพบติดเชื้อ 196 ราย จาก1,667 ราย สั่งห้ามเข้าออกพื้นที่ พร้อมเร่งตรวจคัดกรองแรงงานที่เหลือและผู้พักอาศัยโดยรอบ
นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (รองปลัด กทม.) พร้อมด้วย นายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ติดตามสถานการณ์โควิด-19 และการตรวจคัดกรองเชิงรุก (SWAB) คนงานของบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ณ บริเวณสถานที่ก่อสร้างข้างโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซอยแจ้งวัฒนะ 5 เขตหลักสี่
สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์บริการสารณสุข 53 ทุ่งสองห้อง สำนักอนามัย กทม.และสาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ให้แก่คนงานของบริษัทฯ ภายหลังจากการตรวจคัดกรองโรคเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงซึ่งเป็นคนงานก่อสร้าง เมื่อวันที่ 11 พ.ค.64 จำนวน 209 ราย ผลปรากฏว่า มีแรงงานติดเชื้อจำนวน 120 ราย นอกจากนี้ยังมีแรงงานที่ไปตรวจคัดกรองโรคที่สถานพยาบาล จำนวน 150 ราย พบว่าติดเชื้ออีก 76 ราย รวมทั้งสิ้น 196 ราย จากจำนวนแรงงานทั้งหมด 1,667 คน โดยมีการแยกตัว ผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลตามระดับอาการแล้ว
ทั้งนี้ สำนักงานเขตหลักสี่ได้ดำเนินการออกคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรค ติดต่อให้บริษัทฯดำเนินการปรับปรุงสถานที่ให้ถูกสุขลักษณะ โดยหยุดดำเนินกิจการก่อสร้างเป็นเวลา 7 วัน และห้ามเข้า-ออกจากที่พักและโครงการก่อสร้าง (ไซต์ก่อสร้าง) โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้เขตได้ประสานรถบริการรับส่งประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบแคมป์คนงาน ไปตรวจคัดกรองโรค ณ สถาบันป้องกันและควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น(ดินแดง) รวมถึงกำหนดแผนตรวจคัดกรองโรคให้แก่คนงานที่ยังไม่ได้รับการคัดกรองโรคให้ครบ 100% โดยวันที่ 14 พ.ค.64 ดำเนินการตรวจคัดกรองโรคในกลุ่มแรงงานต่างด้าวจำนวน 500 คน และวันที่ 15 พ.ค.64 จะดำเนินการตรวจคัดกรองแรงงานไทยอีก 300 คน เพื่อประเมินสถานการณ์และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคต่อไป
นอกจากนี้สำนักงานเขตหลักสี่ ยังร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 53 ทุ่งสองห้อง สำนักอนามัย กทม.สปคม.กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะทำการตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุก (SWAB) สำหรับประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 17-21 พ.ค.เวลา 08.00-14.00 น.ณ อาคารจอดรถอาคารบี ชั้น 1 โซน 1 C302–902 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ วันละ 500 คน เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่เขตต่อไป .-สำนักข่าวไทย
