fbpx

กรมอนามัยห่วงเสิร์ฟอาหารในรถ ที่แคบ กินรวมกันเสี่ยงโควิด-19

กรุงเทพฯ 2 พ.ค.-กรมอนามัย ห่วงบริการอาหารแบบใหม่ เสิร์ฟในรถส่วนตัว เหตุเป็นพื้นที่แคบ อากาศไม่ถ่ายเท กินรวมกัน อาจทำให้เสี่ยงโควิด-19 เน้นซื้อกลับไปกินบ้านปลอดภัยมากกว่า

​นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพและโฆษกกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวการให้บริการของร้านซูชิบุฟเฟ่ต์เชียงใหม่แบบ Drive-In Buffet เสิร์ฟตรงถึงที่ให้ลูกค้านั่งกินอาหารในรถยนต์ส่วนตัวนาน 2 ชั่วโมง โดยเป็นการปรับตัวของร้านอาหารภายหลังที่ได้กำหนดให้จังหวัดเชียงใหม่เป็น 1 ใน 6 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มงวด หนึ่งในนั้นคือการให้ร้านอาหารจำหน่ายเฉพาะซื้อกลับไปกินที่บ้านหรือที่อื่น และห้ามนั่งกินในร้าน ซึ่งแม้ว่าทางร้านดังกล่าว จะมีรูปแบบการสั่งอาหารโดยใช้วิธีการสั่งผ่านแอปพลิเคชันและคิวอาร์โค้ด พร้อมทั้งมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจำกัดจำนวนลูกค้าในแต่ละรอบด้วยนั้น แต่การกินอาหารในรถพร้อมกันลักษณะนี้อาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ เพราะจะไม่ทราบได้ว่าผู้ที่มาอยู่ในรถเป็นสมาชิกในครอบครัวอยู่ในบ้านเดียวกัน หรือเป็นการรวมกลุ่มคนจากหลากหลายที่มาอยู่รวมกันในที่แคบ ห่างกันไม่เกิน 1 เมตร รถเล็ก ๆ ห่างกัน 50 เซนติเมตร อากาศถ่ายเทไม่ดีเท่าที่ควร และใช้เวลากินนานพอสมควร อีกทั้งจำเป็นต้องถอดหน้ากากออกเมื่อกินอาหารร่วมกัน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ รวมทั้งการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกรณีเป็นพื้นที่ที่กฏบังคับเรื่องการสวมหน้ากากออกนอกเคหะสถานมากกว่า 2 คน แม้จะมาจากบ้านเดียวกันอาจถูกจับปรับได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในช่วงเวลานี้ขอให้ประชาชนใช้วิธีการซื้อไปกินที่บ้าน หรือสั่งอาหารแบบเดลิเวอรีแทน เพื่อลดการออกนอกบ้านหรือรวมตัวกันโดยไม่จำเป็น และเมื่อสถานการณ์โควิดในพื้นที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น การใช้มาตรการคุมเข้มต่าง ๆ ก็อาจจะมีการผ่อนปรนให้นั่งกินในร้านอีกครั้ง แต่กำจัดจำนวนผู้ใช้บริการและเข้มมาตรการ เว้นระยะห่างหรือมาตรการอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งต้องเป็นความร่วมมือของทุกคนที่ต้องช่วยกันเพื่อลดความเสี่ยงของโรคโควิด-19


​ทางด้าน นายสมศักดิ์ ศิริวนารังสรรค์ ผู้อำนวยการสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กล่าวว่า สิ่งที่กรมอนามัยเน้นย้ำทุกร้านอาหารที่ให้บริการในช่วงเวลานี้คือมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันโควิด-19 สร้างความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค เริ่มตั้งแต่ครัว กระบวนการปรุง ประกอบ จนถึงมือผู้บริโภค ซึ่งการแพร่ระบาดส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ โดยการสัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดกันเป็นเวลานานในกลุ่มพนักงาน หรือในกลุ่มผู้บริโภคร่วมวงเดียวกัน มากกว่าเกิดจากพนักงานไปสู่ผู้บริโภค โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้ประกอบกิจการร้านอาหาร ต้องจัดให้มีระบบการคัดกรองพนักงานหรือ ผู้ให้บริการและผู้มาใช้บริการ รวมทั้งผู้ประกอบกิจการควรประเมินการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ผ่านแพลตฟอร์ม THAI STOP COVID http://stopcovid.anamai.moph.go.th ของกรมอนามัยเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค กลุ่มที่ 2 ผู้สัมผัสอาหารและผู้ปฏิบัติงานในร้านอาหาร ต้องมีการตรวจคัดกรองพนักงานในร้านทุกคนก่อนให้ปฏิบัติงาน ให้มีการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ถ้าหน้ากากเปียกชื้นหรือสกปรกควรเปลี่ยนใหม่ทันที ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนปฏิบัติงานที่ต้องสัมผัสอาหารทุกครั้ง หลังออกจากห้องส้วม และหลังสัมผัสสิ่งสกปรก สำหรับกระบวนการปรุงประกอบ ต้องเตรียมและปรุงอาหารบนโต๊ะที่สูงจากพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร อาหารสดต้องล้างให้สะอาดก่อนนำมาปรุง หรือเก็บ ส่วนวิธีการเก็บอาหารประเภทต่าง ๆ ต้องแยกเก็บเป็นสัดส่วน อาหารประเภทเนื้อสัตว์ดิบเก็บในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส และอาหารที่ปรุงสำเร็จแล้วห้ามใช้มือหยิบจับหรือสัมผัสอาหารโดยตรง และกลุ่มที่ 3 ผู้ซื้อ/ผู้บริโภค เช่นเดียวกันต้องคัดกรองตนเองหากรู้ว่าเสี่ยงไม่ควรออกจากบ้าน ต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเข้าไปซื้ออาหารในร้าน และไม่ควรใช้ระยะเวลานาน (กรณีอนุญาตให้นั่งทานได้ไม่ควรใช้เวลานานเกิน 1 ชั่วโมง) รวมทั้งเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร หรือหากมีการรับอาหารที่ปรุงสำเร็จจากผู้ส่งอาหารประเภทเดลิเวอรีแล้ว ต้องล้างมือให้สะอาด จากนั้นนำอาหาร ไปถ่ายใส่ในภาชนะ หากเก็บอาหารปรุงสำเร็จนานเกินกว่า 2 ชั่วโมง ควรนำมาอุ่นให้เดือดอีกครั้งก่อนนำมาบริโภค .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

วัยรุ่นเชียงใหม่ ตะลุมบอนงานไม้ค้ำ จ.เชียงใหม่

กลุ่มวัยรุ่นตะลุมบอนชกต่อยกันในงานแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จ.เชียงใหม่ ขณะที่ผู้จัดงานติดป้ายเตือนทะเลาะวิวาทในงาน จับได้ปรับ 75,000 มอบให้คนถ่ายคลิป 5,000

ล่า “จัก เขาบายศรี” ถ้าต่อสู้อาจจำเป็นต้องวิสามัญ

ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นหลายจุดทั่วเมืองชลบุรี ล่าตัว “จัก เขาบายศรี” มือกราดยิงวันไหล ย่านบ่อนไก่ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หากเจอตัวแล้วยิงต่อสู้ อาจจำเป็นต้องวิสามัญ วอนญาติรีบประสานพามามอบตัว

ข่าวแนะนำ

ศาลสั่งจำคุกลูกชาย รมช.เมาแล้วขับ 2 เดือน ปรับ 4 พันบาท

ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ลูกชายรัฐมนตรีช่วย เมาขับฝ่าด่านตรวจ โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมพักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน

ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต

จ.ภูเก็ต 19 เม.ย.-นายกฯ ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต พร้อมสำรวจการจราจร วงเวียนอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร