สมุทรปราการ30พ.ค.-สนามบินสุวรรณภูมิปรับพื้นที่เช็คอินผู้โดยสารไปเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนให้บุคลากรด่านหน้าของธุรกิจการบิน ตั้งเป้าฉีดให้ได้จำนวน 3 หมื่นคน ขณะที่เหลือผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศเฉลี่ยไม่ถึง 1000 คนต่อวัน เป็นชาวต่างชาติร้อยละ 60 ไทยร้อยละ 40 แต่ไม่มีจากอินเดียแล้ว
ภายในอาคารผู้โดยสารขาออกของสนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณประตู9และ10 ที่เคยเป็นส่วนรองรับผู้โดยสารขาออกในการเช็คอินกับสายการบินต่างๆ ได้ถูกปรับเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรด้านหน้าที่เกี่ยวข้องกับการพบปะผู้โดยสาร ทั้งพนักงานสายการบิน เจ้าหน้าที่การท่าฯ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร คาร์โก้ แม่บ้านทำความสะอาด โดยมีผู้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็ม 2 แล้วจำนวน 3,400 คน จากจำนวนเป้าหมายทั้งหมด 30,000 คน
ที่เคาน์เตอร์เช็คอินผู้โดยสาร ถูกปรับเป็นจุดลงทะเบียน วัดความดัน ซักประวัติความเสี่ยง ฉีดวัคซีนไปจนถึงการลงระบบติดตามหลังฉีด ผู้ทำหน้าที่เหล่านี้คือเหล่าจิตอาสาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทการท่าอากาศยานไทย พนักงานจากสายการบินต่างๆที่ผลัดเปลี่ยนกันมาทำหน้าที่ ส่วนการฉีดเป็นหน้าที่ของบุคลากรการแพทย์ของการท่าฯและโรงพยาบาลบางพลี จ.สมุทรปราการ
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่าการปรับพื้นที่อาคารผู้โดยสารให้เป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนโควิด19 เนื่องจากสามารถจัดให้มีระยะห่างทางสังคม รองรับการฉีดวัคซีนได้ประมาณ 1,000 คน / วัน กลุ่มเป้าหมายคือบุคลากรทุกหน้าที่ในการให้บริการผู้โดยสารซึ่งถือเป็นบุคลากรด่านหน้า ซึ่งได้ประสานงานการฉีดวัคซีนกับ นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขมาตรวจความเรียบร้อย และได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่จิตอาสาของ บ.ท่าอากาศยานฯและทุกสายการบิน มาร่วมมือกันปฏิบัติงาน ส่วนการฉีดให้ครบจำนวนเป้าหมาย ขณะนี้กำลังรอวัคซีนรอบต่อไปจำนวน 27,000 โดส หากได้ตามกำหนดคาดว่าจะฉีดได้ครบภายในเวลา 1 เดือน
นายกิตติพงศ์ ยังกล่าวถึงความพร้อมในการใช้สนามบินสุวรรณภูมิมาเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายของ ศบค.แต่ได้วางแผนกับนายแพทย์ณรงค์ว่า เนื่องจากพื้นที่ของสนามบินสุวรรณภูมิยังต้องใช้งานบริการผู้โดยสารอยู่ไม่สะดวกในการรองรับประชาชนทั่วไป จึงได้ดูสถานที่ที่อยู่ใกล้เคียง สะดวกในด้านการเดินทาง ลานจอดรถ คืออาคารของสถานีดับเพลิงสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีห้องประชุมติดตั้งเครื่องปรับอากาศ หากมีการมอบหมายสั่งการมาก็พร้อมดำเนินการ
ส่วนสถานการณ์การเดินทางเข้ามายังประเทศไทยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ ปัจจุบันมีตัวเลขผู้โดยสารขาเข้าวันละไม่ถึง 1,000 คนแบ่งเป็นชาวต่างชาติร้อยละ 60 ชาวไทยร้อยละ 40 ส่วนไฟลท์บินจากประเทศอินเดียมีเพียงด้านขนส่งสินค้า ไม่มีเที่ยวบินแบบผู้โดยสารหรือแบบเช่าเหมาลำแล้วตามคำสั่งของรัฐบาล ทั้งนี้ในช่วงก่อนหน้าคำสั่งในวันที่1-26 เมษายน 2564 มีผู้โดยสารเดินทางมาจากประเทศอินเดียรวม 401 คน.-สำนักข่าวไทย