กรุงเทพฯ 28 เม.ย.-นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนฯ ขานรับ สปสช.ปรับระบบเบิกจ่ายรวดเร็วขึ้น ช่วยพยุงสภาพคล่องโรงพยาบาลในสถานการณ์โควิด-19 ได้
นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ปรับระบบจ่ายเงินชดเชยให้หน่วยบริการเร็วขึ้นจากทุก 30 วัน เป็นทุก 15 วัน เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะจะช่วยให้โรงพยาบาลนำเงินเหล่านี้ไปสนับสนุนการดูแลรักษาโควิด-19 ได้ เช่น ค่าน้ำยาตรวจคัดกรองโรค อีกทั้งหน่วยบริการมีหลายระดับ ทั้งโรงพยาบาลขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ซึ่งแต่ละหน่วยบริการมีสายป่านที่ยาวไม่เท่ากัน ดังนั้น การปรับรอบการจ่ายชดเชยครั้งนี้ จะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับหน่วยบริการในสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างมาก
นพ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาการเบิกจ่ายกับทาง สปสช. ไม่ได้มีความยุ่งยาก เพียงแต่ระบบของ สปสช. ต้องเป็นปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงของการระบาดโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 ซึ่ง สปสช. ก็จะต้องมีความรวดเร็วขึ้น เพื่อช่วยพยุงสภาพคล่องของโรงพยาบาลแต่ละแห่งให้ได้
“โรงพยาบาลนอกระบบของ สปสช.นั้น มีจำนวนมากกว่าโรงพยาบาลที่อยู่ในระบบ ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนเองส่วนมากก็อยู่นอกระบบ สปสช. ฉะนั้น บางโรงพยาบาลก็อาจไม่ได้ชำนาญ และอาจจะยังมีคำถามในการเบิกจ่าย เช่น UCEP COVID-19 จะต้องเบิกอย่างไร หรือจะมีการจ่ายเงินเมื่อไหร่ เป็นต้น” นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนฯ กล่าว
ทั้งนี้ ในฐานะนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนฯ ก็จะมีการจัดอบรมเกี่ยวกับการเบิกจ่ายให้กับโรงพยาบาลทุกแห่ง เนื่องจากเมื่อโรงพยาบาลทำการตรวจคัดกรองผู้มีความเสี่ยงแล้ว หากพบว่าติดเชื้อก็จะต้องรับรักษาทันที ซึ่งบางโรงพยาบาลก็อาจยังไม่มีประสบการณ์เรื่องการเบิกจ่ายตรงนี้ โดยทางเลขาธิการ สปสช.ก็ได้ช่วยลงไปให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ สนับสนุนกันและกัน.-สำนักข่าวไทย