สุราษฎร์ธานี 10 เม.ย. – กรมคุมประพฤติ ตรวจเข้มเจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยงพื้นที่ภาคใต้ กำชับกักตัว 14 วัน พร้อมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19
วันนี้ (10 เม.ย.64) นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ภายหลังการพบผู้ป่วยติดโรคโควิด-19 ในกลุ่มผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ที่เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมประกวดผลงานด้านการต่อต้านยาเสพติด ณ โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานในสังกัดกรมคุมประพฤติในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 16 แห่ง เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย จึงเป็นสถานการณ์ที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กรมคุมประพฤติ จึงได้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเร่งด่วน พร้อมสั่งกักตัวบุคลากรในสังกัดและผู้ที่เกี่ยวข้องที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 3-16 เมษายน 2564 และให้หน่วยงานติดต่อสาธารณสุขประจำจังหวัด เพื่อเข้าดำเนินการปูพรมตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ติดตามและสอบสวนโรคแก่ผู้เข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าว รวมถึงรายงานให้กรมคุมประพฤติทราบโดยทันที
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สำหรับสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เข้ารับการ SWAB ตรวจหาเชื้อไวรัสดังกล่าว กับโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โดยการประสานงานของเรือนจำชั่วคราวทุ่งเขน ซึ่งมาให้บริการตรวจคัดกรองเชิงรุก ผลปรากฏเป็นลบ ไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด แต่ยังคงให้กักตัวจนครบระยะ 14 วัน นอกจากนี้ กรมคุมประพฤติ ยังได้กำชับบุคลากรในสังกัดกรมคุมประพฤติทุกคน ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่าง เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. – สำนักข่าวไทย