สธ.พบคลัสเตอร์สถานบันเทิง เที่ยวหลายร้าน

สธ.5 เม.ย.- สธ.เผยเรือนจำ จ.นราธิวาส ติดโควิดกว่า 100 คน แต่เป็นสถานที่ปิดไม่มีแพร่กระจายสู่ชุมชน ควบคุมเช่นเดียวกับกรณีห้องกัก ตม. ต้นเหตุติดเชื้ออยู่ระหว่างสอบสวนโรค ส่วนกรณีสถานบันเทิงใน กทม.-ปริมณฑล ติดเชื้อรวม 70 ราย พบติดกันเป็นลูกโซ่จากปทุมธานีมาทองหล่อและเอกมัย เหตุนักเที่ยว นักร้อง นักดนตรี ไปหลายร้าน ย้ำสถานที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี ไม่สวมหน้ากาก เป็นความเสี่ยง ยันไม่มีรัฐมนตรีร่วมงานเลี้ยงที่บ้านทูตญี่ปุ่น


เมื่อวันที่ 4 เม.ย.64 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่าวันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 96 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 78 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 9 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 9 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต และรักษาหายเพิ่มขึ้น 106 ราย ทำให้การติดเชื้อระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 – 4 เมษายน 2564 มีผู้รักษาหายแล้ว 23,597 ราย คิดเป็นร้อยละ 94.81 อยู่ระหว่างการรักษา 1,258 ราย และเสียชีวิตสะสม 35 คน

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 3 เมษายน 2564 ฉีดแล้ว 244,254 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 201,864 ราย และครบสองเข็ม 42,390 ราย ถือว่าฉีดได้ตามเป้าหมาย ไม่ได้ล่าช้า เนื่องจากช่วงแรกได้วัคซีนมา 2 แสนโดส ฉีดคนละ 2 เข็ม จึงฉีดได้ 1 แสนคน และเมื่อมีวัคซีนจำนวนมาก ตั้งแต่มิถุนายนที่จะมีวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าเดือนละ 10 ล้านโดส จะสามารถฉีดได้ครบถ้วนแน่นอน เช่น ชลบุรีฉีดได้ถึง 1 หมื่นโดสในวันเดียว โดยประชาชนสามารถเริ่มจองฉีดวัคซีนได้ผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อมได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 และจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอสม. สำรวจกลุ่มเป้าหมายที่สมัครใจฉีดวัคซีน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทยด้วย


สำหรับสถานการณ์ที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกล โรงพยาบาลไม่มีห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อโควิด 19 กระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษพระราชทาน ลงพื้นที่สนับสนุนการตรวจหาเชื้อในผู้ลี้ภัยชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และฝ่ายความมั่นคงที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อ ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที รวมถึงสนับสนุนวัคซีนโควิด 19 เพิ่มเติม 2,000 โดสแก่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองที่ดูแลผู้ลี้ภัย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายเชื้อมาสู่คนไทย

ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อในเรือนจำ จ.นราธิวาส มีการส่งรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษพระราชทานลงไปในพื้นที่เช่นกัน จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า เริ่มจากเจ้าหน้าที่พยาบาลในเรือนจำมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตรวจพบติดเชื้อ 1 คน จึงสอบสวนโรคเพิ่มเติม โดยตรวจผู้ต้องขังประมาณ 700 กว่าคน พบผู้ติดเชื้อ 100 กว่าคน สถานการณ์ถือว่าคล้ายกับสถานกักตัวของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากเป็นสถานที่ปิด มีการอยู่อย่างแออัด ทำให้มีโอกาสติดเชื้อสูง ไม่มีความเสี่ยงแพร่กระจายไปยังชุมชน สำหรับจุดเริ่มต้นในการติดเชื้อต้องรอผลสอบสวนอย่างละเอียด เบื้องต้นเรือนจำดำเนินมาตรการต่างๆ ได้ดี อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำเรื่องการกักตัวผู้ต้องขังแรกรับ 14 วันอย่างเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง เฝ้าระวังโดยตรวจหาเชื้อเจ้าหน้าที่เป็นระยะ และเร่งฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่

“กรณีที่มีผู้ต้องขังกลุ่มนี้เดินทางไปร่วมประชุมและกิจกรรมที่ จ.สุราษฎร์ธานี และตรวจพบว่าติดเชื้อมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 1 พันคน จัดงานเพียง 1 วัน ผู้ต้องขังไม่ได้ปะปนกับคนหมู่มาก ได้สอบสวนและควบคุมโรค ติดตามผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงได้แล้วทั้งหมด โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงได้รับการแยกกัก และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอยู่ในระบบเฝ้าระวัง” นพ.โอภาสกล่าว


นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สถานการณ์การติดเชื้อในสถานบันเทิงในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบติดเชื้อ 70 ราย พบว่ากลุ่มที่ติดเชื้อมีความเชื่อมโยงกัน จากการสอบสวนโรคคาดว่า เริ่มต้นจากสถานบันเทิง จ.ปทุมธานี ไปยังคริสตัล คลับ ทองหล่อ, ร้านบลาบลาบาร์ และเบียร์เฮาส์ เอกมัย เป็นลูกโซ่ เนื่องจากนักเที่ยวนำเชื้อมาติดพนักงานและติดไปยังนักเที่ยวคนอื่น ซึ่งนักเที่ยวมักไปเที่ยวหลายร้าน และพนักงาน นักร้องและนักดนตรีไปทำงานหลายร้าน ทำให้แพร่กระจายเชื้อไปร้านอื่นต่อ และนำไปติดคนในครอบครัว ปัจจัยที่ทำให้ติดเชื้อมากมาจากสถานที่เสี่ยง คือ ความแออัด การระบายอากาศไม่ดี ไม่มีการเว้นระยะห่าง และพฤติกรรมเสี่ยง คือ ไม่สวมหน้ากาก ตะโกนเสียงดัง ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ขาดสติ อาจใช้แก้วร่วมกัน เป็นต้น

“แม้ในระยะผ่อนคลายจะเปิดสถานบันเทิงได้ แต่ต้องเป็นนิวนอร์มัล โดยจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการ สแกนไทยชนะเข้าออกสถานที่ พนักงานต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา ผู้มารับบริการต้องใส่หน้ากากให้มากที่สุดทำความสะอาดจุดสัมผัสต่างๆ ตรวจหาเชื้อพนักงาน นักร้อง นักดนตรีสม่ำเสมอ โดยเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและสาธารณสุขจะลงพื้นที่ติดตามกำกับ หากดำเนินการไม่ได้หรือมีการแพร่ระบาด จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร สามารถสั่งปิดปรับปรุงตามกำหนดได้ หรือออกมาตรการเพิ่มเติมจากที่ ศบค.กำหนด ส่วนผู้ที่ไปเที่ยวในสถานบันเทิงดังกล่าวตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป หากมีอาการผิดปกติให้ไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจหาเชื้อ หากมีความกังวลขอรับคำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านหรือโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422” นพ.โอภาสกล่าว

ส่วนกรณีทูตญี่ปุ่นติดเชื้อโควิด 19 เข้ารักษาโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง อาการทรงตัวดี ไม่มีอาการปอดบวม จากการสอบสวนโรคและซักถามผู้ที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า ไม่มีรัฐมนตรีท่านใดที่เข้าร่วมงานเลี้ยงที่บ้านทูตญี่ปุ่น และไม่มีรัฐมนตรีท่านใดที่ไปสถานบันเทิงย่านทองหล่อดังกล่าว รวมถึงนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็ไม่ได้เข้าร่วมแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นายสุพัฒนพงษ์ซึ่งอยู่ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานีจะเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 เพื่อความสบายใจของประชาชน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]