สธ.1เม.ย.-ปลัด สธ.เผยวัคซีนโควิดของซิโนแวคอีก1 ล้านโดสมา 10 เม.ย. คาดฉีดได้จริง16-17เม.ย.พร้อมเผยช่องทางการจองฉีดวัคซีน“หมอพร้อม” ช่วยเพิ่มวามสะดวก เชื่อมข้อมูล รพ.1,000 แห่ง เน้นการจองฉีดในรพ.ตามสิทธิ ส่วน กทม.ยกเว้น จองได้ใน รพ.ที่มีประวัติรักษา เมื่อจองฉีดเป็นที่เรียบร้อย ถึงกระจายวัคซีน คาดเปิดจองปลาย พ.ค. พร้อมเผย รอดูท่าที WHO กำหนดใบรับรองการฉีดวัคซีนที่เป็นมาตรฐานนานาชาติ ขณะเดียวกันทยอยนำวัคซีนไปพื้นที่ภูเก็ต หวังสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ 4แสนคน เพื่อให้การเปิดประเทศเป็น จริงในเดือนต.ค.
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการกระจายวัคซีนโควิดทั่วประเทศพร้อมใช้ไลน์ออฟฟิเชียล แอปลิเคชัน “หมอพร้อม” ในการติดตามข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19ในปัจจุบัน สามารถควบคุมได้ พบการติดเชื้อในลักษณะประปราย และขณะนี้เริ่มทยอยฉีดวัคซีนแล้ว ประมาณ 100,000 คน และมีบางคนก็ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว ซึ่ง วัคซีนที่มีการฉีดทั้งของซิโนแวค และแอสตราเซเนกา
โดยคาดว่าวัคซีนซิโนแวคจำนวน 1ล้านโดสจะมาถึงไทยในวันที่ 10 เม.ย.นี้ จากนั้นคาดว่าจะอยู่ในกระบวนการตรวจสอบรับรองรุ่นการผลิตใช้เวลา 5-6 วัน และเริ่มฉีดในวันที่ 16-17 เม.ย.นี้ ทั้งเป้าหมายการฉีดวัคซีนต้องทำให้ในประชากรให้ได้ ร้อยละ 50-60 ของประชากรทั้งหมด ส่วนวัคซีนของแอสตราเซเนกาที่ผลิตในไทย จะเริ่มทยอยส่งมอบ 5 ล้านโดส ในกลางเดือนพ.ค.นี้
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ส่วนแผนการฉีดวัคซีนปัจจุบันได้มีการวางระบบ เพิ่มปรับให้ รพ. สนาม เป็นสถานที่ฉีด และ มีรถบริการเคลื่อนไปฉีดนอกสถานที่ เบื้องต้นได้รับการติดต่อประสานงานจากห้างสรรพสินค้า ในการในบริการสถานที่ เนื่องจากส่วนใหญ่ของการเดินทางของประชาชนเพื่อมารับบริการติดเรื่องปัญหาที่จอดรถหากได้รับความช่วยเหลือจากภาคเอกชน จะทำให้การรับบริการฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้น เนื่องจาก 1รพ.สามารถฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ 500 คนต่อวัน ส่วนบริการนอกสถานที่ คาดว่าฉีดได้วันละ 1,200 คน ต่อวัน คาดว่าเป้าหมายการฉีดให้ได้ 10 ล้านโดส จะทำได้ภายใน 1 เดือน หากวัคซีนเริ่มทยอยมาในจำนวนมาก
นพ.เกียรติภูมิ ยังกล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของการรับวัคซีน ได้เตรียมให้มีการลงทะเบียน ทำระบบนัดหมายการฉีดวัคซีน การติดตามผลข้างเคียงจากวัคซีน ผ่านไลน์ออฟฟิเชียล (LINE official Account) หรือ แอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” เพื่อให้บริการประชาชนได้รับความสะดวกมากขึ้น โดยคาดว่าจะเปิดให้มีการจองรับบริการฉีดได้ ในปลายพ.ค.นี้ และคาดว่าได้รับการฉีดจริงในเดือนมิ.ย. เบื้องต้น ยังเน้นในกลุ่มเสี่ยง 7 โรคหลัก อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ที่ต้องรับเคมีบำบัด รังสีรักษาและวัคซีนจะกระจายไป ซึ่งเมื่อรับวัคซีนได้แล้วจะได้รับใบรับรองในรูปแบบ หนังสือรับรองแบบ ดิจิทัลและมีคิวอาร์โค้ด แสดงว่าได้รับวัคซีนไปแล้วกี่ครั้ง และในอนาคต ยังเตรียมสร้างแสตมป์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้เป็นการรับรองการฉีด ที่คาดว่าอาจใช้เป็นมาตรฐานสากล
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนซิโนแวค 8 แสนโดส จะมีการกระจายไปในพื้นที่เศรษฐกิจ เช่น จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้สอดกับการเปิดประเทศไทย 1ต.ค.นี้ โดยการคำนวณจำนวนวัคซีนที่จะสร้างภูมิคุ้มโรคโควิดให้เพียงพอ และปลอดจากโรค ในภูเก็ตต้องมีประชากรได้รับวัคซีน จำนวน 400,000 คน ซึ่งเบื้องต้นได้กระจายไปแล้ว 200,000 โดสเพียงพอฉีดให้กับประชากร 100,000 คน จากนั้นในล็อตวัคซีน 1 ล้านโดสที่จะมาถึง จะมีการจัดสรรวัคซีนลงไปในพื้นที่อีก 100,000 โดส คาดว่าจะฉีดจะเริ่มใน พ.ค.ถึง มิ.ย. และเมื่อมีวัคซีนจำนวนมากขึ้น ก็ได้ทยอยจัดส่งลงไปเพิ่มอีก
นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี ประธานคณะทำงานด้านระบบข้อมูลการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กล่าวว่า ขณะนี้มีการเตรียมเชื่อมข้อมูลแบบเรียลไทม์จาก รพ.ทุกแห่งที่มีการฉีดวัคซีนทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชนในการจองวัคซีน ผ่านระบบหมอพร้อม ซึ่ง ระบบนี้จะสามารถทำได้เมื่อมีวัคซีนเข้ามาจำนวนมาก โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดการจองวัคซีนได้จริงประมาณปลายเดือน พ.ค. เบื้องต้นเน้นการจองและฉีดใน รพ.ต้นสังกัด ยกเว้นในพื้นที่ กทม. ที่จะมีการเปิดกว้าง ให้ สามารถจองการฉีดใน รพ.อื่นได้ โดยจะอ้างอิงจากฐานประวัติข้อมูลคนไข้เดิมที่รับบริการ เป็นหลักว่ารักษาที่ รพ.ใด หากมีรพ.มากกว่า 1แห่ง ข้อมูลจะแสดงให้เห็น และให้ประชาชนทำการเลือกสถานพยาบาลในการฉีดเพื่อนัดหมาย จากนั้นรายชื่อสิทธิใน รพ.ที่ไม่ได้ถูกเลือก ก็จะหมดลงโดยปริยาย และ จากนั้นถึงจะทยอยส่งวัคซีนไปให้สถานพยาบาล
นพ.พงศกร กล่าวว่า ส่วนการออกวัคซีน Certificate ที่เป็นมาตราฐานนานาชาติใช้ในการเดินทาง กำลังรอข้อมูลองค์การอนามัยโลก คาดว่าจะออกมาในช่วงเดือน มิ.ย. พร้อมย้ำว่า สำหรับการจองสิทธิวัคซีนโควิด ทำได้ 4 ช่องทาง คือ ช่องทางที่ 1 คือ LINE official หมอพร้อม ช่องทางที่ 2 ผ่าน “หมอพร้อม” ที่เป็น Application ซึ่งจะเปิดให้ดาวน์โหลดได้ในวันที่ 1 พ.ค.นี้ เบื้องต้นเฉพาะระบบแอนดรอยด์ก่อน ช่องทางที่ 3 คือ โทรศัพท์ติดต่อโรงพยาบาลได้โดยตรง และช่องทางที่ 4 ผ่าน อสม.ทั่วประเทศ .-สำนักข่าวไทย