นักวิชาการชี้เวนคืนที่ดินสร้างรถไฟฟ้าไม่กระทบวัดเอี่ยมวรนุช

กรุงเทพฯ 5 มี.ค. – นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชี้เวนคืนที่วัดเอี่ยมวรนุช สร้างสถานีรถไฟฟ้าบางขุนพรหม ต้องยึดตาม EIA ที่ระบุชัดเจนไม่มีการเวนคืน ด้าน รฟม. ยืนยันไม่เวนคืนที่วัดเอี่ยมวรนุช พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจกับวัด


จากกรณีเพจเฟซบุ๊กวัดเอี่ยมวรนุช เผยแพร่รูปและข้อความระบุว่า “ด่วน! วัดเอี่ยมฯ โดนเวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เมื่อความเจริญเข้ามา สิ่งที่จะต้องเสียไปคือ…วัดวาอาราม จะต้องโดนเวนคืนเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ปัจจุบันวัดเอี่ยมก็เล็กมาก เนื้อที่แค่ 2 ไร่ กว่าๆ เอง แทบจะไม่มีเนื้อที่เหลือสำหรับจัดกิจกรรมใดๆ

ตอนนี้ก็โดนเฉือนไปอีก ตั้งแต่กำแพงวัด ซุ้มประตู ศาลาทั้ง 2 หลังด้านหน้าวัด เจดีย์ขาวอายุเกือบร้อยปี และวิหารหลวงปู่ทวด และที่ผลประโยชน์ของวัดร้านครัวเพลินเพลง กับร้านก๋วยเตี๋ยวข้างวัดฯ ลานหน้าวัดที่เวนคืนจากกำแพงวัดมาอีก 6 เมตร…วัดยิ่งเล็กลงไปอีกมากๆ…


ผลการประชุมวันนี้จาก จนท.ของ รฟม. รังวัดพื้นที่ตอกหมุดเรียบร้อย…น้ำตาจะไหล…ไม่คิดว่าเรามาถึงจุดๆ นี้ได้อย่างไร….สงสารหลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านก็บอกว่าช็อกมากไม่คิดว่าจะโดยเวนคืนเยอะขนาดนี้…เพราะตอนแรกที่คณะกรรมการฯ รฟม.มาคุยกันมันไม่ใช่แบบนี้”

ประเด็นนี้เกิดขึ้นหลัง ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ส่วนต่อขยาย ระยะทาง 23.6 กม. ขณะนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ได้ทำการสำรวจเวนคืนที่ดินไปแล้วกว่า 100 ไร่ โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในเดือน ส.ค.-ก.ย. 2564 และคาดว่าแล้วเสร็จภายในปี 2570

นายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีที่วัดเอี่ยมวรนุชจะถูกเวนคืนที่ดินว่า ตนได้ตรวจสอบในรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ของโครงการดังกล่าวแล้ว พบว่ารายงานฉบับนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้วตั้งแต่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 และล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 ก็ผ่านการพิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ


นายสนธิ ระบุว่า ในรายงาน EIA ยังระบุชัดเจนถึงแผนการก่อสร้างที่พบว่าไม่มีการเวนคืนพื้นที่ภายในวัดของวัดเอี่ยมวรนุชแต่อย่างใด เพียงแต่บอกว่าทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าจะอยู่บริเวณด้านหน้าวัดเอี่ยมวรนุชเท่านั้น ดังนั้น ตามกระแสข่าวว่า รฟม. จะไปเวนคืนกุฏิหลวงปู่ทวด หรือโบราณสถาณต่างๆ ภายในวัดนั้น ตามข้อเท็จจริงไม่มีปรากฏอยู่ใน EIA

นายสนธิ กล่าวว่า เป็นไปได้ที่การก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าอาจมีการกระทบกับกำแพงวัดบ้าง แต่สุดท้ายทุกอย่างจะต้องถูกซ่อมแซมให้เหมือนเดิม แต่ตนมั่นใจว่าจะไม่กระทบกับเจดีย์หรือกุฏิ เพราะใน EIA ไม่ได้บอกไว้ ซึ่งรายงาน EIA ถือเป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่อยู่ในใบอนุญาต ที่ผ่านมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปแล้ว และเป็นไปตามพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อมแห่งชาติปีปี 2535 และปี 2556 เพราะฉะนั้น รฟม. ต้องปฏิบัติตาม

วัดเอี่ยมวรนุชมีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ พบว่าพื้นที่ที่มีการสำรวจแนวเขตเพื่อก่อสร้างแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางขุนพรหม ซึ่งทาง รฟม. มีการปักแนวเขตไว้ มีพื้นที่บางส่วนอยู่ในบริเวณวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างสำคัญของวัด ทั้งวิหารหลวงปู่ทวด พุทธเจดีย์ปรินิพพาน ศาลาเล็ก ศาลาใหญ่ และประตูทางเข้า-ออก

ล่าสุดการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ออกมาชี้แจงว่า โครงการก่อสร้างสถานีบางขุนพรหม เป็นสถานีใต้ดินของโครงการรถไฟฟ้าสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ในขั้นตอนการสำรวจดังกล่าวเป็นเพียงการดำเนินการสำรวจแนวเขตทาง (Right of way) ในเบื้องต้นเท่านั้น โดยในการก่อสร้างสถานีดังกล่าวจะมีตำแหน่งทางขึ้น-ลง 4 ตำแหน่ง
(1) ตำแหน่งทางขึ้น-ลง หมายเลข 1 ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดเอี่ยมวรนุช ใกล้สี่แยกวิสุทธิกษัตริย์
(2) ตำแหน่งทางขึ้น-ลง หมายเลข 2 ตั้งอยู่บริเวณปั๊ม ปตท. ตรงข้ามวัดสามพระยา
(3) ตำแหน่งทางขึ้น-ลง หมายเลข 3 ตั้งอยู่บริเวณโรงพิมพ์ศรีหงส์
(4) ตำแหน่งทางขึ้น-ลง หมายเลข 4 ตั้งอยู่บริเวณธนาคารแห่งประเทศไทย ถนนวิสุทธิกษัตริย์

รฟม. ยืนยันว่าจะไม่มีการเวนคืนส่วนที่เป็นวิหารและเจดีย์เก่าของวัดเอี่ยมวรนุชตามที่ปรากฏในข่าว ทาง รฟม. ได้ชี้แจงทำความเข้าใจเบื้องต้นกับผู้เกี่ยวข้องของวัดเอี่ยมวรนุชแล้ว และในต้นสัปดาห์หน้า รฟม. พร้อมด้วยบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ จะเข้าชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดกับทางวัดต่อไป

ความเป็นมาของวัดเอี่ยมวรนุช ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2327 เดิมชื่อวัดท้องคุ้ง ต่อมาปลัดนุชดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ ชาวบ้านจึงเรียกว่า วัดปลัดนุช ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยายเอี่ยมได้สร้างพระอุโบสถ พระองค์จึงมีดำรัสว่าควรมีชื่อผู้สร้างร่วมอยู่ในวัดนี้ด้วย วัดนี้จึงมีชื่อว่า “วัดเอี่ยมวรนุช” นับแต่บัดนั้น

ภายในวัดมีพระอุโบสถประดิษฐานหลวงพ่อพระบางประสิทธิโชค หรือพระอีบาง วิหารเจ้าแม่กวนอิมเป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย อีกมุมหนึ่งของวัดมีพุทธเจดีย์ปรินิพพาน หรือเจดีย์ถวายพระเพลิงพระศาสดา ลักษณะเป็นมณฑปเล็กๆ สีขาว ภายในประดิษฐานพระเจ้าเข้านิพพาน นอกจากนี้ยังมีวิหารหลวงปู่ทวด ซึ่งภายในประดิษฐานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และยังมียังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่โดยรอบวัด

ขณะนี้เรื่องราวปัญหาที่เกิดขึ้นได้คลี่คลายได้ไปในทางที่ดี โดยมีท่านรองปลัดคมนาคมได้เข้าพบเจ้าอาวาส พระครูศรีสุตาภรณ์ พูดคุยและกราบนมัสการองค์หลวงปู่ทวด ท่านรองปลัดคมนาคมได้แจ้งกับทางวัดเอี่ยมวรนุชว่าจะไม่รื้อถอน หรือจะให้มีผลกระทบน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบล็อกใส่อัฐิบรรพบุรุษ วิหารหลวงปู่ทวด และวิหารรอยพระบาทแท่นสีขาว ให้มีผลกระทบน้อยที่สุด บริเวณด้านอื่นอีก และในด้านส่วนตัวของพระมหาสร้อยเองท่านได้กล่าวว่า ถ้าเป็นไปในตามที่รองปลัดคมนาคมท่านกล่าวเอาไว้ ทางวัดจะดีใจ ประชาชนก็จะได้มีที่เข้ามากราบสักการะ เข้ามาทำบุญไหว้พระ ณ วัดแห่งนี้ วันนี้ก็มีประชาชนเข้ามากราบสักการะองค์หลวงปู่ทวด เข้ามาถวายสังฆทานผ้าไตรให้กับเจ้าอาวาส และหลั่งไหลเข้ามาให้กำลังใจ เป็นจำนวนมาก จึงขอขอบพระคุณสื่อมวลชน ประชาชนทั่วสารทิศ ที่เป็นกำลังใจให้กับวัดเอี่ยมวรนุชไว้ ณ ที่นี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย