กทม.เปิด 7 ขั้นตอนซ้อมพร้อมให้บริการวัคซีน

กทม.25 ก.พ.-ผู้ว่าฯ อัศวิน โชว์สาธิตบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นต้นแบบให้สถานพยาบาลกลุ่มเป้าหมายในกทม.นำไปปฏิบัติ ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต ปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้อง เยี่ยมชมการสาธิตการให้วัคซีนและประชาชน ณ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน เขตบางขุนเทียน โดยการสาธิตการให้วัคซีนกรุงเทพมหานครได้เชิญผู้แทนโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ 6 เขตที่ให้บริการวัคซีน โควิด-19 ในระยะแรก รวมทั้งสิ้น 16 โรงพยาบาล ได้แก่ 1. เขตจอมทอง ประกอบด้วย โรงพยาบาลบางขุนเทียน 1 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล และโรงพยาบาลบางมด 2. เขตบางขุนเทียน ประกอบด้วย โรงพยาบาล พีเอ็มจี โรงพยาบาลนครธน และโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน 3. เขตบางแค ประกอบด้วย โรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแค โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และโรงพยาบาลบุญญาเวช

4. เขตบางบอน ประกอบด้วย โรงพยาบาลบางปะกอก 8 และโรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ 5. เขตภาษีเจริญ ประกอบด้วย โรงพยาบาลบางไผ่ โรงพยาบาลมิตรประชา (เพชรเกษม 2) และโรงพยาบาลพญาไท 3 6. เขตหนองแขม ประกอบด้วย โรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนลหนองแขม และโรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธโร อุทิศ ร่วมชมการสาธิต เพื่อเตรียมความพร้อมด้านสถานที่และบุคลากรให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ


สำหรับวัคซีนโควิด-19 ที่กรุงเทพมหานครจะได้รับจากรัฐบาลในระยะแรก มีจำนวน 66,000 โดสเข็ม ซึ่งจะสามารถให้ประชาชนได้จำนวน 33,000 คน เนื่องจาก ต้องให้วัคซีนคนละ 2 โดสหรือ 2 เข็ม ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนโควิด-19 ระยะแรก ซึ่งมีวัคซีนจำนวนจำกัด ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 6,200 คน กำหนดให้วัคซีนในสัปดาห์แรก เพื่อเฝ้าสังเกตอาการหากมีอาการไม่พึงประสงค์จะสามารถให้การดูแลได้อย่างทันท่วงที จากนั้นสัปดาห์ที่ 2 จะให้วัคซีนแก่ อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ด้านการพยาบาลพอสมควร ซึ่งหากเกิดอาการไม่พึงประสงค์จะสามารถดูแลตนเองได้ในระดับหนึ่ง จำนวน 800 คน กลุ่มต่อไป คือ กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคเสี่ยง คือ 1. โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง 2.โรคหัวใจและหลอดเลือด 3.โรคหลอดเลือดสมอง 4.โรคไตเรื้อรัง 5.โรคมะเร็งทุกชนิด ที่อยู่ระหว่างเคมีบำบัด รังสีบำบัดและภูมิคุ้มกันบำบัด 6. โรคเบาหวาน 7. โรคอ้วน ที่มีอายุ 18-59 ปี จำนวน 23,500 คน และกลุ่มสุดท้าย คือ ประชาชนทั่วไปและแรงงาน (อายุ 18-59 ปี) จำนวน 2,500 คน ทั้งนี้มีโรงพยาบาลที่จะร่วมให้บริการฉีดวัคซีน จำนวน 15 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 3 แห่ง และโรงพยาบาลเอกชน 12 แห่ง

ทั้งนี้ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนทุกคนต้องวัดไข้ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกคน จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนเข้ารับการฉีดวัคซีน COVID-19 ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 เป็นการลงทะเบียน (ทำบัตร) เพื่อยืนยันตัวตน ขั้นตอนที่ 2 ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต ขั้นตอนที่ 3 คัดกรอง ซักประวัติ และลงนามใบยินยอมการรับวัคซีน ขั้นตอนที่ 4 รอฉีดวัคซีน ขั้นตอนที่ 5 เข้ารับการฉีดวัคซีน จากนั้นขั้นตอนที่ 6 จะให้ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนทุกรายนั่งพักรอสังเกตอาการจนครบ 30 นาที โดยได้จัดให้มีพื้นที่ปฐมพยาบาล แพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์ช่วยชีวิตสำหรับการดูแลผู้ที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดวัคซีน และมีการแนะนำวิธีการใช้ Line Official Account “หมอพร้อม” เพื่อติดตามอาการหลังการฉีดวัคซีน 1 วัน 7 วัน 30 วัน และรับการแจ้งเตือนเพื่อฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 รวมถึงผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 ครบทั้ง 2 เข็ม จะได้รับใบยืนยันการฉีดวัคซีน COVID-19 ทาง Line Official Account “หมอพร้อม” อีกด้วย ขั้นตอนที่ 7 จุดตรวจสอบก่อนกลับบ้าน เจ้าหน้าที่จะสอบถามอาการ ให้คำแนะนำ และออกใบนัดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 จากนั้นจะมีการแสดงผล Dash Board จาก Line Official Account “หมอพร้อม” แสดงการประเมินผลความครอบคลุมทุกกระบวนการการบริการ การติดตามอาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีนที่ได้รับ

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) จนถึงปัจจุบัน การฉีดวัคซีน COVID–19 ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความหวังในการควบคุมการแพร่ระบาด ที่สามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน เพื่อป้องกันการเกิดอาการ ลดความรุนแรงของโรค รวมถึงลดอัตราตายได้ จากการศึกษาพบว่า เมื่อประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรง ถือเป็นแนวทางป้องกันที่ดีแนวทางหนึ่ง และขณะนี้ประเทศไทยได้รับการส่งมอบวัคซีนเพื่อดำเนินการฉีดให้แก่ประชาชนแล้ว และจะทยอยได้รับการส่งมอบเป็นระยะๆ ต่อไป


ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรุงเทพมหานคร ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับมีพื้นที่เสี่ยงจำนวน 6 เขต การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับวัคซีน จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง การซักซ้อมความเข้าใจ รวมถึงการสาธิตการบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ณ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ซึ่งเป็น 1 ใน 2 โรงพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีน COVID – 19 ระยะที่ 1 ในวันนี้ จึงสามารถใช้เป็นแนวทางใน การจัดบริการฉีดวัคซีนในสถานพยาบาลแห่งอื่น ๆ ได้ต่อไป

นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กล่าวถึงความพร้อมของโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ว่า บุคลากรของกรุงเทพมหานครมีประสบการณ์ในการฉีดวัคซีน แต่สิ่งที่ประชาชนต้องเตรียมคือ ต้องมีการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิฉีดวัคซีน และลงเวลานัดหมาย เลือกโรงพยาบาลที่สะดวก เพื่อประหยัดเวลาในการรอคอย อย่างไรก็ตามหากไม่ได้ลงทะเบียนล่วงหน้า กรุงเทพมหานครได้เตรียมเจ้าหน้าที่ไว้คอยอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม และทำการนัดหมายให้ ในการฉีดวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่สองควรไปฉีด ณ โรงพยาบาลเดียวกัน และเมื่อถึงวันนัดหมายฉีดวัคซีน ให้เตรียมร่างกายให้พร้อม รับประทานอาหารและดื่มน้ำตามปกติ มาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัดหมาย หากมีไข้สามารถโทร.มาเลื่อนนัดได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]