กรุงเทพฯ 25 ก.พ.- 18 จังหวัดพร้อมรับวัคซีนโควิดซิโนแวค ทางด้าน กทม.ซักซ้อมขั้นตอนการฉีดวัคซีนโควิด-19
หลังเมื่อวานนี้ วัคซีนซิโนแวคลอตแรก 2 แสนโดสจากประเทศจีนมาถึงไทยแล้ว ลอตต่อไปจำนวน 8 แสนโดส จะส่งมอบในเดือนมีนาคม และลอตที่ 3 จำนวน 1 ล้านโดส มาถึงในเดือนเมษายน โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก 3 กลุ่ม ที่จะได้รับวัคซีนจากซิโนแวค ลอตแรกจะต้องเป็นผู้มีอายุ 18-59 ปี เนื่องจากเป็นกลุ่มที่งานวิจัยของซิโนแวค ระบุว่า เหมาะสมสำหรับการรับวัคซีน ซึ่งจะประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า อสม. บุคลากรด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย ประชาชนทั่วไปและแรงงานที่มีอายุ 18-59 ปี เน้นผู้มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน และโรคอ้วน โดยให้แพทย์เป็นผู้ประเมินและคัดเลือกจากฐานข้อมูลการเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล
สำหรับแผนการกระจายใน 18 จังหวัด อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด, พื้นที่ควบคุม และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ สมุทรสาคร, กรุงเทพมหานคร (ฝั่งตะวันตก), ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรปราการ, ตาก (อำเภอแม่สอด), นครปฐม, สมุทรสงคราม, ราชบุรี, ชลบุรี, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย), เชียงใหม่, กระบี่, ระยอง, จันทบุรี, ตราด, และเพชรบุรี
กทม.ซักซ้อมขั้นตอนการฉีดวัคซีน
ทางด้าน กทม. วันนี้ มีการซักซ้อมการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ได้ไปเยี่ยมชมการสาธิตการให้วัคซีนแก่ประชาชนที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ซึ่งเป็นกลุ่มโรงพยาบาลแรกของโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ 6 เขตเสี่ยง ที่จะให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในระยะแรก รวมทั้งสิ้น 16 โรงพยาบาล
สำหรับ กทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนในระยะแรก จำนวน 66,000 โดส สามารถให้ประชาชนได้ 33,000 คน โดยกลุ่มเป้าหมายแรก ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน จากนั้นสัปดาห์ที่ 2 จะให้วัคซีนแก่อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิดที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย โดยกลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับวัคซีนในระยะแรก ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคเสี่ยง
ผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า กทม.ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับมีพื้นที่เสี่ยง 6 เขต การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง การซักซ้อมความเข้าใจรวมถึงการสาธิตการบริการฉีดวัคซีนวันนี้ จะสามารถใช้เป็นแนวทางในการจัดบริการฉีดวัคซีนในสถานพยาบาลแห่งอื่น ๆ ได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย