กทม. 7 ก.พ.- อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์โควิดในประเทศเริ่มดีขึ้น ผู้ป่วยลดลง แต่ยังเฝ้าระวังสมุทรสาคร – ชายแดน ยืนยัน “วัคซีนพาสปอร์ต” ยังไม่เหมาะสมในขณะนี้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโควิด 19 ว่า ภาพรวมสถานการณ์ทั่วโลก ล่าสุด มีผู้ติดเชื้อ 106 ล้านคน ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 แสนคน ถือว่าสถานการณ์เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น จากเดิมที่เคย มีผู้ติดเชื้อ 5-7 แสนคน ผู้เสียชีวิต 2.3 ล้านคน โดยประเทศที่ยังเฝ้าระวังเนื่องจากมีพรมแดนติดกับไทย คือมาเลเซีย ผู้ติดเชื้อเพิ่มวันละ 3-4 พันคน, เมียนมาไม่มีรายงานแล้วหลายวัน เนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศ ส่วนที่อินโดนีเซีย ติดเชื้อวันละ กว่า 10,000 คน
ส่วนภาพรวมผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเริ่มดีขึ้น พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 237 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยในประเทศ 225 ราย ผู้ป่วยในสถานที่กักตัว 12 ราย รักษาหายแล้วหลายร้อยราย รวมผู้ป่วยสะสมกว่า 19,000 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ถือว่าอัตราการเสียชีวิตน้อยลงกว่าการระบาดระลอกแรก 10 เท่า โดยจุดใหญ่ของการระบาด ยังอยู่ที่ จ.สมุทรสาคร ร้อยละ 90 รองลงมา คือ กทม.และจังหวัดอื่นๆ เพียงร้อยละ 2
ส่วนในพื้นที่จังหวัดชายแดน เช่น อ.แม่สอด จ.ตาก ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเป็นชายชาวเมียนมาอายุ 75 ปี ที่พบว่าแพร่กระจายเชื้อสู่คนในครอบครัวมากถึง 10 ราย ซี่ง อ.แม่สอด จะมีการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชนต่อไป
นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยบริเวณชายแดนมาเลเซีย ที่รับผู้ต้องขังจากทางการมาเลเซีย ล่าสุด รับตัวกลับมาแล้ว 66 คน พบผู้ติดเชื้อ 19 คนหรือร้อยละ 28 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง สาเหตุจากขณะที่คุมตัวที่มาเลเซีย มีการให้อยู่รวมกัน
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า ภาพรวมสถานการณ์ในประเทศ มีการควบคุมได้ดี มีรายงานผู้ป่วย แค่ที่ สมุทรสาคร ตาก กทม. ซึ่ง จ.สมุทรสาคร เรียกได้ว่าเข้าสู่มาตรการควบคุมโรคระยะที่ 3 หลังตรวจเชิงรุก จำนวนมากและแบ่งพื้นที่การระบาดแล้วจึง มีการปรับกลยุทธ์ เป็น “บับเบิลแอนด์ซีล” หรือการควบคุมให้อยู่ในสถานประกอบการและที่พักอาศัย ขณะเดียวกันยังคงมีการตรวจคัดกรองในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ส่วนคำถามเรื่องของวัคซีนพาสปอร์ต หรือ การเดินทางระหว่างประเทศของผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดแล้วนั้น ยืนยันว่า หากมั่นใจว่าผู้ฉีดวัคซีนแล้วสามารถป้องกันโรค ได้ 100 เปอร์เซนต์ ก็ไม่ต้องมีมาตรการกักตัว แต่สถานการณ์ปัจจุบัน วัคซีนยังวิจัยไม่ถึงขั้นนั้น โดยประเทศไทยเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก และมีกฎอนามัยระหว่างประเทศ 2548 จึงต้องปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างประเทศ ล่าสุด องค์การอนามัยโลก แนะนำว่ายังไม่ควรกำหนดให้มีการใช้เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน หรือวัคซีนพาสปอร์ต ณ วันนี้ จึงยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะนำมาใช้ในประเทศไทย แต่ในอนาคต มีแนวโน้มจะนำมาใช้ ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
สำรับการจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับคนไทยนั้น ยืนยันว่ายังคงอยู่ในแผน ซึ่งเดิมกำหนดว่าจะนำมาฉีดได้ในเดือนมิถุนายน 2564 แต่เนื่องจากสถานการณ์การะบาดในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จึงต้องปรับให้เร็วขึ้น และจะเร่งหาวัคซีนมาฉีดให้ประชาชนในเร็วๆ นี้ .-สำนักข่าวไทย