เช็กอีกครั้ง! ก่อนคลายล็อก 1 ก.พ. กิจการไหนเปิดได้-ไม่ได้

กทม. 31 ม.ค. -เช็กเลย! ก่อนคลายล็อก พรุ่งนี้ 1 ก.พ. ด้านผู้ว่าฯ กทม. ลงนามสั่งปิด 7 สถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 18)


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง การสั่งปิด 7 สถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 18) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2564

7 สถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ประกอบด้วย

1.สถานบริการ, สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะc2.สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่

3.สนามชนโค สนามปลากัด หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษระทำนองเดียวกัน

4.สถานประกอบการกิจการอาบน้ำ

5.สถานประกอบการกิจการอาบอบนวด

6.สถานรับเลี้ยงเด็ก เฉพาะที่อยู่ในเขตบางขุนเทียน บางแค บางพลัด จอมทอง ธนบุรี

7.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน เฉพาะที่อยู่ในเขตบางขุนเทียน บางแค บางพลัด จอมทอง ธนบุรี.

ผ่อนคลายกิจการ 37 ประเภท
มาตรการผ่อนคลายให้กิจการ 37 ประเภท แต่ต้องมีมาตรการควบคุมโรคตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัด อาทิ
ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม นั่งทานในร้านได้ไม่เกิน 5 ทุ่ม งดดื่มสุราในร้าน
ร้านสะดวกซื้อ รถเข็น หาบเร่ แผงลอย ภัตตาคาร สวนอาหารศูนย์อาหาร โรงอาหาร ไม่รวมสถานบริการ ผับ บาร์
ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์
ห้องประชุมในโรงแรมหรือศูนย์ประชุมจำกัดร่วมกิจกรรมไม่เกิน 100 คน
สถานที่ให้บริการจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง จำกัดผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 100 คน งดดื่มสุรา และงดแสดงดนตรีที่มีการเต้นรำ
ร้านค้าปลีก ตลาด ตลาดน้ำและตลาดนัด ตลาดค้าส่งขนาดใหญ่


สนามแข่งขันทุกประเภท แข่งได้ไม่มีผู้ชม สนามมวย แข่งขันได้ไม่มีผู้ชม
การจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น ประชุม สัมมนา จัดเลี้ยง แจกอาหารหรือสิ่งของ จำกัดจำนวนไม่เกิน 100 คน เว้นแต่เป็นการดำเนินการโดยหน่วยงานรัฐ ใช้แอปพลิเคชั่น ไทยชนะ และหมอชนะก่อนและหลังร่วมกิจกรรม
*** ถ้าไม่มีคำสั่งปิด คือให้เปิดได้ ***

เฉพาะในเขต กทม. กิจการร้านค้าใดที่ต้องปิดต่อ หรือเปิดได้แล้ว จากคำสั่งเดิมที่ กทม.สั่งปิดตั้งแต่ 1 ม.ค.64 และยังไม่ได้รับการผ่อนคลายเมื่อ 22 ม.ค.
สถานที่ที่สามารถเปิดได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ประกอบด้วย
•สนามเด็กเล่น เครื่องเล่นสําหรับเด็กในตลาด ตลาดน้ำ และตลาดนัด
• โรงเรียนสถาบันกวดวิชา และสถาบันการศึกษาทุกประเภท
•สวนน้ำ สวนสนุก
•สนามม้า สนามมวย (ต้องไม่มีคนดู)

ที่ต้องปิดต่อ คือ ผับ บาร์ สถานบันเทิง หรือสถานบริการ และสถานประกอบการใดที่เปิดลักษณะคล้ายสถานบริการ
•สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่ สนามชนโค ปลากัด รวมถึงสนามแข่งขันอื่น ในลักษณะทํานองเดียวกัน
•สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อาบอบนวด


ส่วนสถานรับเลี้ยงเด็ก ยกเว้นที่มีการรับตัวไว้พักค้างคืน เป็นปกติธุระ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน ปิดต่อเฉพาะเขต ได้แก่ เขตบางขุนเทียน บางแค บางพลัด จอมทอง ธนบุรี

ขณะที่โต๊ะสนุก บิลเลียด ที่ก่อนหน้านี้มีคำสั่งปิด ไม่ถูกระบุในประกาศฉบับที่ 18

หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 52 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและอาจถูกสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว

ปรับพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาดโควิดใหม่ มีผล 1 ก.พ.
ศบค.ประกาศปรับโซนพื้นที่เขตควบคุมใหม่ “สีแดง” จาก 28 จังหวัด เหลือ 5 จังหวัด “แดงเข้ม” เหลือ “สมุทรสาคร” จังหวัดสีเขียวที่ใช้ชีวิตเกือบปกติ แต่ยังคงมาตรการเฝ้าระวัง 35 จังหวัด ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

แยกเป็น “สีแดงเข้ม” พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังคงมีเพียง 1 จังหวัด คือ สมุทรสาคร
โดยสถานที่ที่ยังคงจำเป็นต้องปิดต่อเนื่องคือ
•สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ
•สนามมวย สนามชนวัน ชนไก่ สนามพระเครื่อง ฟิตเนส กิจการอาบอบนวด สปา นวดแผนไทย
•โรงเรียน โรงเรียนกวดวิชา สถาบันการศึกษา
•สนามเด็กเล่น สวนสนุก ร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต
•การประชุมงานเลี้ยง
•กิจกรรมประเพณีที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก การจัดงานแสดงสินค้า สถานีขนส่งสาธารณะ

ส่วนพื้นที่ที่เปิดได้ แบบมีเงื่อนไข คือ
•ตลาด ตลาดนัด จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ
•ร้านอาหาร ไม่เกิน 21.00 น. งดดื่มสุราในร้าน
•ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดไม่เกิน 21.00 น.
•โรงแรม มีมาตรการป้องกัน มีระบบติดตามตัวผู้เดินทางเข้าออกทุกคน

“สีแดง” พื้นที่ควบคุมสูงสุด 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ รายละเอียดการผ่อนคลายมาตรการตามที่ กทม.ประกาศล่าสุด 37 กิจการ และยังคงปิด 7 สถานที่ ส่วนจังหวัดปริมณฑลยังคงใช้มาตรการคล้ายกรุงเทพฯ แล้วแต่ แต่ละจังหวัดจะกำหนดมาตรการแตกต่างกันไป

“สีเหลือง” พื้นที่เฝ้าระวังสูง 17 จังหวัด กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร นครราชสีมา นครสวรรค์ นราธิวาส บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พังงา เพชรบูรณ์ ยะลา ระนอง สงขลา สุโขทัย สุราษฎร์ธานี อุทัยธานี

โดยพื้นที่เฝ้าระวังสูง 17 จังหวัด อนุญาตให้ เปิดสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ จำกัดเวลาจำหน่ายและดื่มสุรา ไม่เกิน 24.00 น.
•ร้านอาหาร นั่งรับประทานได้ จำกัดจำนวนคนต่อโต๊ะ
•จำกัดเวลาจำหน่ายและดื่มสุราไม่เกิน 24.00 น.
•สถานบริการอาบอบนวดเปิดให้บริการได้ จำกัดการใช้บริการ
•สถานที่ออกกำลังกายการแจ้งในอาคาร ยิม ฟิตเนส สนามมวยแข่งขันได้ มีผู้ชมตามเกณฑ์
7.(กราฟิกพื้นที่ควบคุม 20 จังหวัด)
ส่วนสีสมพื้นที่ควบคุม 20 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี สิงห์บุรี ตราด ตาก นครนายก นครปฐม ปราจีนบุรี เพชรบุรี ระยอง ราชบุรี ลพบุรีสมุทรสงคราม สระแก้ว สระบุรี สุพรรณบุรี อยุธยา อ่างทอง

อันนี้ค่อนข้างผ่อนปรนเยอะ โดยที่ให้เปิดได้แบบมีเงื่อนไข เช่น
•สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ นั่งทานอาหารในร้านได้ไม่เกิน 23.00 น. แต่จำกัดเวลาจำหน่ายและดื่มสุราได้ไม่เกิน 23.00 น. แสดงดนตรีได้ งดเต้นรำ
•ร้านอาหาร นั่งทานได้ จำกัดเวลาขายและดื่มสุราได้ ไม่เกิน 23.00 น.
•สถานบริการ อาบอบนวด เปิดบริการได้ แต่จำกัดผู้ใช้บริการ
•การประชุม สัมนา จัดเลี้ยง จำนวนไม่เกิน 300 คน แสดงดนตรีได้ งดเต้นรำ
•สถานที่ออกกำลังกายในอาคาร ยิม ฟิตเนต สนามมวย แข่งขันได้ มีผู้ชมตามเกณฑ์ที่กำหนด

9.(กราฟิกพื้นที่เฝ้าระวัง 35 จังหวัด)
35 จังหวัดสุดท้ายที่เป็นพื้นที่สีเขียว หรือพื้นที่เฝ้าระวัง ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน พะเยา อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม ศรีสะเกษ สุรินทร์ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต กระบี่ สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี

ทั้งหมดมีรายละเอียดไม่มาก ใช้ชีวิตเกือบจะปกติ แต่ยังเน้นคงมาตรการเฝ้าระวังต่อเนื่อง คือ
•เปิดสถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ จำหน่ายและดื่มสุราในร้าน จำกัดเวลาตามกฎหมายกำหนด แสดงดนตรีและเต้นรำได้ เน้นการเว้นระยะห่าง
•สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ในอาคาร ยิม ฟิตเนส สนามมวย แข่งขันได้ มีผู้ชมตามเกณฑ์. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]

ภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์

กทม. 15 ส.ค.-“ทบ.-ทภ.2” ยืนยันภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์ คาดฝ่ายกัมพูชาทำคอนเทนต์สร้างกระแส ให้เห็นว่าไม่ยอมฝ่ายไทย เตรียมประท้วงขัดข้อตกลง “จีบีซี” แม่ทัพภาค 2 ยันทุกอย่างอยู่ที่เดิม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคลิปทหารกัมพูชาอ้างถึงการรื้อลวดหนามหีบเพลงใกล้ฐานปฏิบัติการซำแต ใกล้ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า อาจจะเป็นการทำภาพวิดีโอ เพื่อนำเสนอให้คนกัมพูชาเห็นการปฏิบัติการตอบโต้ไทยตามแนวชายแดน แต่หลายอย่างไม่ได้ตรงกับพื้นที่จริง อาจจะเป็นเรื่องของการใช้กราฟิกในเรื่องของสีธง ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ตรงนั้น มุ่งหวังสร้างขวัญกำลังใจกับฝ่ายกัมพูชามากกว่า เพื่อแสดงท่าทีว่าได้ทำอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลวดหนาม หรือธง ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน เมื่อดูจากสภาพแวดล้อม ไม่ใช่พื้นที่ที่มีการอ้างถึง “อาจจะมาทำเป็นลักษณะของการทำคอนเทนต์ ให้คนกัมพูชาเห็นว่ามีปฏิกิริยาที่ไม่เอารั้วลวดหนาม ไม่ใช่ภาพที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ยืนยันไม่ใช่ภาพจริงที่เขาอ้างถึง ส่วนการละเมิดข้อตกลงจีบีซี ในเรื่องการบิดเบือนข่าวสารนั้น เราก็คงต้องประท้วงและแสดงให้เห็นว่าไม่ควรเกิดขึ้น” พล.ต.วินธัย ระบุ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพอ้างว่าเป็นการรื้อถอนลวดหนามในพื้นที่จุ๊บตะโมก บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ประจำปราสาทตาเมือนธม ยืนยันว่าไม่ปรากฏเหตุการณ์หรือการปฏิบัติใดๆ ของทหารกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งนี้ […]

เร่งแกะรอยวงจรปิดเส้นทางหนีโจรชิงทอง 163 บาท

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ตำรวจเร่งแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้ายสวมชุดไรเดอร์บุกเดี่ยวชิงทอง ร้านทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทองคำ 163 บาท มูลค่ากว่า 8.6 ล้านบาท เช้าวันนี้ (15 ส.ค.) ทีมสืบสวน สภ.บางบ่อ ประชุมชุดและไล่ดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี บนถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) มุ่งหน้า จ.ชลบุรี เน้นจุดเสี่ยงตลอดแนวถนนเทพรัตน รวมถึงเส้นทางรองที่เชื่อมต่อออกพื้นที่ โดยวางแนวทางสอบสวนที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ตัวผู้ก่อเหตุ โดยเฉพาะประเด็นชุดไรเดอร์ที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ได้เชิญพยานแวดล้อม พนักงานร้านทอง สอบปากคำอย่างละเอียด ขอเวลาตำรวจทำงาน พร้อมกำชับหากพบตัวคนร้ายให้ใช้ยุทธวิธีจากเบาไปหาหนักด้วยความรอบคอบ เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืน.-สำนักข่าวไทย

กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ก.ต่างประเทศ 15 ส.ค.-กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด เผย 1 เดือน ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้ว 5 ครั้ง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเป็นทุ่นใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม ย้ำไทยมุ่งใช้กลไกทวิภาคี แก้ปมชายแดน จี้หยุดบิดเบือนเฟกนิวส์ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านทุ่นระเบิดว่า การบรรยายสรุปในวันนี้ (15 ส.ค.) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้พหารไทยหลายท่านได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และเพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ โดยได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวเปิดผ่านวิดีโอคลิป เนื่องจากขณะนี้ท่านติดการกิจอยู่ระหวางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่เมืองอันหนิง ประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกับจีน หลังจากนั้นเป็นการบรรยายของนายรัศม์ […]