เช็กอีกครั้ง! ก่อนคลายล็อก 1 ก.พ. กิจการไหนเปิดได้-ไม่ได้

กทม. 31 ม.ค. -เช็กเลย! ก่อนคลายล็อก พรุ่งนี้ 1 ก.พ. ด้านผู้ว่าฯ กทม. ลงนามสั่งปิด 7 สถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 18)


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง การสั่งปิด 7 สถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 18) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2564

7 สถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ประกอบด้วย

1.สถานบริการ, สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะc2.สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่

3.สนามชนโค สนามปลากัด หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษระทำนองเดียวกัน

4.สถานประกอบการกิจการอาบน้ำ

5.สถานประกอบการกิจการอาบอบนวด

6.สถานรับเลี้ยงเด็ก เฉพาะที่อยู่ในเขตบางขุนเทียน บางแค บางพลัด จอมทอง ธนบุรี

7.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน เฉพาะที่อยู่ในเขตบางขุนเทียน บางแค บางพลัด จอมทอง ธนบุรี.

ผ่อนคลายกิจการ 37 ประเภท
มาตรการผ่อนคลายให้กิจการ 37 ประเภท แต่ต้องมีมาตรการควบคุมโรคตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัด อาทิ
ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม นั่งทานในร้านได้ไม่เกิน 5 ทุ่ม งดดื่มสุราในร้าน
ร้านสะดวกซื้อ รถเข็น หาบเร่ แผงลอย ภัตตาคาร สวนอาหารศูนย์อาหาร โรงอาหาร ไม่รวมสถานบริการ ผับ บาร์
ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์
ห้องประชุมในโรงแรมหรือศูนย์ประชุมจำกัดร่วมกิจกรรมไม่เกิน 100 คน
สถานที่ให้บริการจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง จำกัดผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 100 คน งดดื่มสุรา และงดแสดงดนตรีที่มีการเต้นรำ
ร้านค้าปลีก ตลาด ตลาดน้ำและตลาดนัด ตลาดค้าส่งขนาดใหญ่


สนามแข่งขันทุกประเภท แข่งได้ไม่มีผู้ชม สนามมวย แข่งขันได้ไม่มีผู้ชม
การจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น ประชุม สัมมนา จัดเลี้ยง แจกอาหารหรือสิ่งของ จำกัดจำนวนไม่เกิน 100 คน เว้นแต่เป็นการดำเนินการโดยหน่วยงานรัฐ ใช้แอปพลิเคชั่น ไทยชนะ และหมอชนะก่อนและหลังร่วมกิจกรรม
*** ถ้าไม่มีคำสั่งปิด คือให้เปิดได้ ***

เฉพาะในเขต กทม. กิจการร้านค้าใดที่ต้องปิดต่อ หรือเปิดได้แล้ว จากคำสั่งเดิมที่ กทม.สั่งปิดตั้งแต่ 1 ม.ค.64 และยังไม่ได้รับการผ่อนคลายเมื่อ 22 ม.ค.
สถานที่ที่สามารถเปิดได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ประกอบด้วย
•สนามเด็กเล่น เครื่องเล่นสําหรับเด็กในตลาด ตลาดน้ำ และตลาดนัด
• โรงเรียนสถาบันกวดวิชา และสถาบันการศึกษาทุกประเภท
•สวนน้ำ สวนสนุก
•สนามม้า สนามมวย (ต้องไม่มีคนดู)

ที่ต้องปิดต่อ คือ ผับ บาร์ สถานบันเทิง หรือสถานบริการ และสถานประกอบการใดที่เปิดลักษณะคล้ายสถานบริการ
•สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่ สนามชนโค ปลากัด รวมถึงสนามแข่งขันอื่น ในลักษณะทํานองเดียวกัน
•สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อาบอบนวด


ส่วนสถานรับเลี้ยงเด็ก ยกเว้นที่มีการรับตัวไว้พักค้างคืน เป็นปกติธุระ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน ปิดต่อเฉพาะเขต ได้แก่ เขตบางขุนเทียน บางแค บางพลัด จอมทอง ธนบุรี

ขณะที่โต๊ะสนุก บิลเลียด ที่ก่อนหน้านี้มีคำสั่งปิด ไม่ถูกระบุในประกาศฉบับที่ 18

หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 52 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและอาจถูกสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว

ปรับพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาดโควิดใหม่ มีผล 1 ก.พ.
ศบค.ประกาศปรับโซนพื้นที่เขตควบคุมใหม่ “สีแดง” จาก 28 จังหวัด เหลือ 5 จังหวัด “แดงเข้ม” เหลือ “สมุทรสาคร” จังหวัดสีเขียวที่ใช้ชีวิตเกือบปกติ แต่ยังคงมาตรการเฝ้าระวัง 35 จังหวัด ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

แยกเป็น “สีแดงเข้ม” พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังคงมีเพียง 1 จังหวัด คือ สมุทรสาคร
โดยสถานที่ที่ยังคงจำเป็นต้องปิดต่อเนื่องคือ
•สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ
•สนามมวย สนามชนวัน ชนไก่ สนามพระเครื่อง ฟิตเนส กิจการอาบอบนวด สปา นวดแผนไทย
•โรงเรียน โรงเรียนกวดวิชา สถาบันการศึกษา
•สนามเด็กเล่น สวนสนุก ร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต
•การประชุมงานเลี้ยง
•กิจกรรมประเพณีที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก การจัดงานแสดงสินค้า สถานีขนส่งสาธารณะ

ส่วนพื้นที่ที่เปิดได้ แบบมีเงื่อนไข คือ
•ตลาด ตลาดนัด จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ
•ร้านอาหาร ไม่เกิน 21.00 น. งดดื่มสุราในร้าน
•ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดไม่เกิน 21.00 น.
•โรงแรม มีมาตรการป้องกัน มีระบบติดตามตัวผู้เดินทางเข้าออกทุกคน

“สีแดง” พื้นที่ควบคุมสูงสุด 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ รายละเอียดการผ่อนคลายมาตรการตามที่ กทม.ประกาศล่าสุด 37 กิจการ และยังคงปิด 7 สถานที่ ส่วนจังหวัดปริมณฑลยังคงใช้มาตรการคล้ายกรุงเทพฯ แล้วแต่ แต่ละจังหวัดจะกำหนดมาตรการแตกต่างกันไป

“สีเหลือง” พื้นที่เฝ้าระวังสูง 17 จังหวัด กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร นครราชสีมา นครสวรรค์ นราธิวาส บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พังงา เพชรบูรณ์ ยะลา ระนอง สงขลา สุโขทัย สุราษฎร์ธานี อุทัยธานี

โดยพื้นที่เฝ้าระวังสูง 17 จังหวัด อนุญาตให้ เปิดสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ จำกัดเวลาจำหน่ายและดื่มสุรา ไม่เกิน 24.00 น.
•ร้านอาหาร นั่งรับประทานได้ จำกัดจำนวนคนต่อโต๊ะ
•จำกัดเวลาจำหน่ายและดื่มสุราไม่เกิน 24.00 น.
•สถานบริการอาบอบนวดเปิดให้บริการได้ จำกัดการใช้บริการ
•สถานที่ออกกำลังกายการแจ้งในอาคาร ยิม ฟิตเนส สนามมวยแข่งขันได้ มีผู้ชมตามเกณฑ์
7.(กราฟิกพื้นที่ควบคุม 20 จังหวัด)
ส่วนสีสมพื้นที่ควบคุม 20 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี สิงห์บุรี ตราด ตาก นครนายก นครปฐม ปราจีนบุรี เพชรบุรี ระยอง ราชบุรี ลพบุรีสมุทรสงคราม สระแก้ว สระบุรี สุพรรณบุรี อยุธยา อ่างทอง

อันนี้ค่อนข้างผ่อนปรนเยอะ โดยที่ให้เปิดได้แบบมีเงื่อนไข เช่น
•สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ นั่งทานอาหารในร้านได้ไม่เกิน 23.00 น. แต่จำกัดเวลาจำหน่ายและดื่มสุราได้ไม่เกิน 23.00 น. แสดงดนตรีได้ งดเต้นรำ
•ร้านอาหาร นั่งทานได้ จำกัดเวลาขายและดื่มสุราได้ ไม่เกิน 23.00 น.
•สถานบริการ อาบอบนวด เปิดบริการได้ แต่จำกัดผู้ใช้บริการ
•การประชุม สัมนา จัดเลี้ยง จำนวนไม่เกิน 300 คน แสดงดนตรีได้ งดเต้นรำ
•สถานที่ออกกำลังกายในอาคาร ยิม ฟิตเนต สนามมวย แข่งขันได้ มีผู้ชมตามเกณฑ์ที่กำหนด

9.(กราฟิกพื้นที่เฝ้าระวัง 35 จังหวัด)
35 จังหวัดสุดท้ายที่เป็นพื้นที่สีเขียว หรือพื้นที่เฝ้าระวัง ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน พะเยา อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม ศรีสะเกษ สุรินทร์ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต กระบี่ สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี

ทั้งหมดมีรายละเอียดไม่มาก ใช้ชีวิตเกือบจะปกติ แต่ยังเน้นคงมาตรการเฝ้าระวังต่อเนื่อง คือ
•เปิดสถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ จำหน่ายและดื่มสุราในร้าน จำกัดเวลาตามกฎหมายกำหนด แสดงดนตรีและเต้นรำได้ เน้นการเว้นระยะห่าง
•สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ในอาคาร ยิม ฟิตเนส สนามมวย แข่งขันได้ มีผู้ชมตามเกณฑ์. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย

รวมพลังหยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตคนลุ่มน้ำชายแดน

5 มิ.ย. – วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งขณะนี้ผู้คนตามลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมา ทางภาคเหนือของไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อม หลัง 2 เดือนมานี้พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกกและน้ำสาย รวมถึงแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่หลายแห่งบริเวณต้นน้ำในเมียนมา วันนี้ชาวเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการเจรจาให้หยุดเหมืองพิษและคืนชีวิตให้กับลุ่มน้ำต่างๆ .-สำนักข่าวไทย

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย