ศบค.ชี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อในประเทศ ลดลง จากมาตรการค้นหาเชิงรุก

ทำเนียบรัฐบาล 24 ม.ค.-ศบค.เผยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 198 ราย พบเสียชีวิต 1 ราย 71 ปี จากสมุทรสาคร แนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง หากสัปดาห์หน้าตัวเลขยังคงที่ คาดอาจผ่อนคลายมาตรการบางอย่าง

แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ รองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันอาทิตย์ 24 ม.ค.64 ว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 198 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 191 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 7 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมที่ 13,500 ราย หายป่วยแล้ว 10,567 ราย และวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมที่ 73 ราย สำหรับการติดเชื้อโควิด-19 ในระลอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.63 – 24 ม.ค.64 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 9,263 ราย หายป่วยแล้ว 6,627 ราย เสียชีวิตสะสม 13 ราย


สำหรับผู้เสียชีวิต 1 ราย วันนี้ เป็นหญิงไทย อายุ 73 ปี มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง โรคสมองเสื่อม และลมชัก ภูมิลำเนาอยู่ที่จ.สมุทรสาคร มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อในครอบครัวที่จ.สมุทรสาครเช่นกัน มีอาการตั้งแต่ วันที่4 ม.ค.64 คือ ไอ มีเสมหะ อ่อนเพลีย และเข้ารับการรักษาในรพ.สมุทรสาคร วันที่ 7 ม.ค.64 และตรวจหาเชื้อโควิด-19 เนื่องจากสอบถามประวัติว่าได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน วันที่ 9 ม.ค.64 ผลยืนยัน ว่า ผลเป็นบวกและมีอาการเหนื่อยมากขึ้น ผลเอกซเรย์ปอด พบว่ามีอาการอักเสบรุนแรง ผู้ป่วยเหนื่อยมากขึ้น แพทย์ให้การช่วยเหลือโดยใส่ท่อช่วยหายใจและส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.ตากสิน จากนั้น วันที่ 9-20ม.ค.64 แน้วโน้มมีอาการดีขึ้น สามารถนำท่อช่วยหายใจออกได้ในวันที่ 20 ม.ค.64 แต่ยังมีรายงานเสมหะมาก เหนียวข้น และยังไม่มีแรงไอขับเสมหะจึงต้องใช้เครื่องช่วยดูดเสมหะเป็นระยะ แต่ว่าในวันที่ 23 ม.ค.64 พบว่าผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว หัวใจหยุดเต้น แพทย์ทำการกู้ชีพ กว่า 30 นาที แต่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษา และเสียชีวิต ในเวลา 01.33 น.

สำหรับกราฟรายงานแนวโน้มของการติดเชื้อ ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.64 เป็นต้นมา จะเห็นว่าตัวเลขมีลักษณะขึ้นลงตลอดเวลา เป็นสัญญาณที่บอก ว่า ยังไว้ใจไม่ได้ การ์ดตกไม่ได้ หากแยกเป็นรายจังหวัด สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ วันนี้ 198 ราย ที่เป็นติดเชื้อในประเทศ 191 ราย แบ่งเป็นจากการเฝ้าระวังและระบบบริการ 118 ราย นั้น คือ จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 76 ราย เป็นเพศหญิง 49 ราย อายุ 6-73 ปี และเพศชาย 26 ราย อายุ19-58 ปี กรุงเทพมหานคร จำนวน 21 ราย เป็นเพศหญิง 5 ราย อายุ 27-31 ปี และเพศชาย 16 ราย อายุ22-43 ปี จังหวัดนนทบุรี 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 30ปี สัญชาติไทย และสมุทรสงคราม 7 ราย เป็นเพศหญิง 5 ราย อายุ 38-58ปี และเพศชาย 2 ราย อายุ23,36ปี สัญชาติไทย จังหวัดราชบุรี 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุ43 ปี สัญชาติไทย และสมุทรปราการ 12 ราย เป็นเพศหญิง 8 ราย อายุ5-51 ปี และเพศชาย 4 ราย อายุ 26-45ปี


ส่วนที่ผู้ติดเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 73 ราย คือ จังหวัดสมุทรสาคร 72 ราย เป็นสัญชาติไทย 2 ราย แรงงานประเทศเพื่อนบ้าน 70 ราย และจังหวัดระยอง 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุ 16 ปี สัญชาติไทย สำหรับผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 7 ราย คือ เบลเยียม 1 ราย มาเลเซีย 1ราย บารเรน 1 ราย ฝรั่งเศส 2 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย และเมียนมา 1 ราย

สำหรับ 10 อันดับแรก ของจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด ยังคงเป็น 1.สมุทรสาคร 2. กรุงเทพมหานคร 3.ชลบุรี 4.ระยอง 5.สมุทรปราการ 6.จันทบี 7.นนทบุรี 8.อ่างทอง 9.ปทุมธานี 10.นครปฐม

ทั้งนี้ จากแผนที่แสดงรายจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ รายสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. – 24 ม.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อรวม 63 จังหวัด และมีจำนวนลดลงต่อเนื่อง จนวันนี้ 24 ม.ค.64 เหลือผู้ติดเชื้อ 7 จังหวัด ถือเป็นแนวโน้มที่ดี จากการตรวจค้นหาเชิงรุก ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2564 ในจังหวัดสมุทรสาครที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อ กว่า 5,000 ราย จากการตรวจเชิงรุกกว่า 70,000 รายนั้น อีก 5 วันถัดจากนี้ จะมีการตรวจเชิงรุกเพิ่มมากขึ้น ในโรงงานขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ตลาด ชุมชน หอพักคนงาน โดยต้องตรวจให้เสร็จสิ้นภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อนำไปสู่การวางแผนผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และลดจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยลง และ 1-7 ก.พ.64 จะเก็บรายละเอียดในพื้นที่ที่ยังมีความเสี่ยง และคาดว่า 8-15 ก.พ.64 การติดเชื้อจะเบาบางลง ซึ่งจ.สมุทรสาครจะเป็นตัวอย่าง ที่จะทำแบบนี้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยใช้จ.สมุทรสาครเป็นโมเดล ในการกำหนดระยะเวลาผ่อนคลายมาตรการ หาก 25-31 ม.ค.64 ทุกพื้นที่ช่วยกันเฝ้าระวังมาตรการอย่างเข้มข้น และในสัปดาห์หน้า ตัวเลขติดเชื้อยังดีอย่างต่อเนื่อง ภายในต้นเดือนก.พ.64 สถานศึกษา อาจจะเปิดการเรียนการสอนในบางพื้นที่ ส่วนร้านอาหาร สถานบริการต่างๆ ให้ติดตามอย่างใกล้ชิด คาดว่า ในช่วงสัปดาห์หน้าจะมีรายละเอียดของการผ่อนคลายมาตรการบางอย่างออกมา ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชน อย่าการ์ดตก


สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อใกล้ 100 ล้านคนแล้ว สะสมที่ 99,322,604 ราย อาการรุนแรง 110,878 ราย รักษาหายแล้ว 71,367,807 ราย เสียชีวิต 2,130,293 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 25,566,789 ราย 2. อินเดีย จำนวน 10,655,435 ราย 3. บราซิล จำนวน 8,816,254 ราย 4. รัสเซีย จำนวน 3,698,273 ราย 5. สหราชอาณาจักร จำนวน 3,617,459 ราย และประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 126 ซึ่งต่างจากเมื่อวาน อยู่ที่ลำดับ 128 การที่เราติดตามสถานการณ์โลกถือว่ามีประโยชน์ จะได้นำมาเป็นตัวอย่างเพื่อไม่ให้สถานการณ์ในประเทศไทยไปไกลถึงจุดนั้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]