สธ. ขออย่าสับสนข้อมูลวัคซีน ย้ำพร้อมจัดสรรเท่าเทียม

10 ม.ค.-สธ. ขอประชาชนอย่าสับสนข้อมูลวัคซีนจากโซเชียล ย้ำกระทรวงสาธารณสุขมีกระบวนการคัดสรร “วัคซีน” โดยคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ พร้อมจัดสรรให้ประชาชนอย่างเท่าเทียม ราว 63 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรกว่า 73 ล้านคน

นายแพทย์ เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามลำดับทั้ง อเมริกาบราซิล รัสเซียและประเทศแถบยุโรป ส่วนสถานการณ์ในไทย ยอดผู้ป่วยสะสมทะลุ 10,298ราย อย่างไรก็ตามยังมีผู้ป่วยหายป่วยแล้วถึง 6428 ราย และอัตราผู้เสียชีวิตของไทย ยังอยู่ในประเทศที่อัตราต่ำที่สุดประเทศหนึ่งของโลก โดยจำนวนผู้ป่วยระลอกใหม่ตั้งแต่ 15 ธันวาคม 63 ถึง 10 มกราคม 64 ยังคงอยู่ในโรงพยาบาล 1811 ราย สรุปสถานการณ์ค่อนข้างคงตัว และมีแนวโน้มที่ลดลง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและทุกฝ่ายกำลังร่วมมือใช้มาตรการทางสังคมและสาธารณสุขให้เกิดผลมากที่สุด


นพ. ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เปิดเผย ว่า วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ แต่หลักการฉีดวัคซีน ก็เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้คน ไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องมี ภูมิคุ้มกันสูงถึง 100% แต่ต้องการสร้างภูมิคุ้มกัน ให้กับประชาชนในภาพรวม เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดในชุมชน โดย การเลือกใช้วัคซีนมีหลักการคือ

  1. คุณสมบัติของวัคซีน
  2. ราคาต้องเหมาะสมไม่แพงเกินไป
  3. จำนวน วัคซีนที่ ผู้ผลิตสามารถผลิตและไทยสามารถจัดสรรได้

ซึ่งทางเลือกที่ดีของไทยคือต้องเจรจาจัดสรรหาวัคซีนหลายชนิด ขณะที่ไทยมีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ที่มีกรมควบคุมโรค,อย.,กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ฯลฯ ที่สามารถตรวจสอบ วิเคราะห์คุณสมบัติ วัคซีนให้ถูกต้องครบถ้วน ถือได้ว่าไทยมีกลไกในการจัดหาวัคซีนที่สามารถทำให้ประชาชนมั่นใจได้ ขอให้ประชาชนมั่นใจในกระบวนการจัดสรร วัคซีน การมีข้อมูลที่หลากหลายในสื่อโซเชียล เช่นเอกชนนำเข้าวัคซีน ฯลฯ นั้น ขอประชาชนอย่าสับสนเพราะกระทรวงสาธารณสุขโดยคณะกรรมการ จะสามารถจัดสรรให้ประชาชนทุกคนได้อย่างเท่าเทียม


ด้าน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจงว่า วัคซีนโควิด-19 กลุ่มที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดตามลำดับ คือ

  1. ไบโอเอ็นเทค ของอเมริกา+เยอรมันนี
  2. โมเดอนา ของอเมริกา
  3. แอสตราเซเนกาของอังกฤษ+สวีเดน
  4. สปุดนิค ของรัสเซีย
  5. ซิโนแว็กซ์ของจีน

ยึดถือประสิทธิภาพตามความก้าวหน้าของการทดลองและการขึ้นทะเบียนในประเทศเจ้าของผู้ผลิต เป็นหลัก สำหรับ วัคซีน แอสตราเซเนก้า ที่ไทยจองซื้อมากที่สุด เนื่องจากประสิทธิภาพดีราคาเหมาะสมและเก็บรักษาง่ายรวมทั้งยังได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตเองได้ด้วย

นพ.นครชี้แจงต่อไปว่าผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนเช่นมีไข้ จะพบพบมากขึ้นเมื่อประชาชนจำนวนมากได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นดังนั้นการเลือกใช้วัคซีนจึงขึ้นอยู่กับการชั่งน้ำหนักผลที่จะได้และผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีวัคซีนอีกหลายตัวทั้งจาก Johnson & Johnson ทั้งจากอเมริกาและอินเดียที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิตทดสอบในระยะ ต่อไป ที่จะทยอยออกมา เป็นวัคซีนที่ไทยจับตาดูและจะเลือกจัดหาพิจารณาประสิทธิภาพโดยปัจจัยต่างๆทั้งเงื่อนเวลา และการควบคุมการระบาดของโรค


นพ. โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กระบวนการจัดหาวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมายเน้นมนุษยธรรมและเพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพ องค์การอนามัยโลกประเมินว่าในช่วงต้นปี 2564 วัคซีนยังมีในปริมาณน้อย แต่จะมากขึ้นในไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 จึงต้องฉีดตามความจำเป็นก่อน คือ ผู้สูงอายุ บุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มเสี่ยงที่จะเสียชีวิต จึงต้องได้วัคซีนก่อน รวมทั้งผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงควบคุมสูงสุดและเข้ม ด้วยวงเงินงบประมาณ 1,228 ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติจาก ครม.แล้ว พร้อมจัดสรรให้ประชาชนอย่างเท่าเทียม ราว 63 ล้านโดส ครอบคลุมประชากร ราว 73 ล้านคน และพรุ่งนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน

โดยอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าระบบการกระจายวัคซีนจะมีอยู่ทั่วประเทศราว 1,100 แห่ง ตั้งแต่โรงพยาบาลใหญ่ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลชุมชน ไปจนถึงศูนย์บริการสาธารณสุข และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

ทั้งนี้บุคลากรที่จะเป็นผู้ฉีดวัคซีน จะต้องได้รับการอบรมให้มีมาตรฐานเดียวกัน นอกจากนี้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ยังต้องพัฒนาระบบแอพพลิเคชันประกอบรองรับการลงทะเบียน และเคลื่อนย้ายของประชากร เพื่อติดตามการรับวัคซีนให้ครบ 2 โดส ในระยะเวลาตามกำหนด และถึงแม้จะเป็นการรับวัคซีนฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่กรมควบคุมโรคยังต้องติดตามหาประสิทธิภาพและอาการที่ไม่พึงประสงค์ของทุกคนที่ได้รับวัคซีนภายใน 4 สัปดาห์ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

Chaos and crowds at Poipet International Border Gate

สื่อกัมพูชาลงภาพคนแออัดที่ด่านปอยเปต

พนมเปญ 8 มิ.ย. – สื่อกัมพูชาเผยแพร่ภาพชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติแออัดที่จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต ในเช้าวันนี้ เพื่อรอข้ามแดน หลังจากไทยประกาศมาตรการจำกัดการข้ามแดนระหว่าง 2 ประเทศ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์เผยแพร่ภาพชุดจากเฟรชนิวส์ ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของกัมพูชา เป็นภาพสถานการณ์ที่จุดผ่านแดนถาวรด้านปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาที่ติดกับบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้วของไทย เจ้าหน้าที่กัมพูชารายงานว่า สถานการณ์ช่วงเช้าวันนี้มีคนหนาแน่นมาก หลังจากทางการปรับเวลาเปิดปิดประตูจุดผ่านแดน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ชายแดนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพูดคุยกันและอำนวยความสะดวกให้แก่การผ่านแดนระหว่างกัน แขมร์ไทมส์รายงานว่า ไทยตัดสินใจปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดประตูแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยได้ปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เป็นด่านสากลทั้งหมดเป็น 08.00-16.00 น. และปิดประตูที่เป็นด่านทวิภาคี.-814.-สำนักข่าวไทย

Colombian Senator Miguel Uribe

ลอบยิงผู้สมัคร ปธน.โคลอมเบีย เป็นตายเท่ากัน

โบโกตา 8 มิ.ย. – หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียถูกลอบยิงอย่างอุกอาจ ระหว่างปราศรัยหาเสียงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในกรุงโบโกตา ภรรยาระบุว่า ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน คลิปเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ได้ เผยให้เห็นวินาทีที่นายมิเกล อูริเบ สมาชิกวุฒิสภา วัย 39 ปี หนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2569 ถูกมือปืนยิงหมายลอบสังหารขณะกำลังยืนปราศรัยหาเสียงต่อหน้าประชาชนจำนวนมากภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผู้คนในที่เกิดเหตุพากันกรีดร้องตกใจ จากนั้นมีเสียงปืนตามมาอีกหลายนัด คาดว่าเป็นการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอูริเบกับมือปืน มีรายงานผู้ถูกยิงบาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน ขณะที่นายอูริเบซึ่งถูกยิงเลือดอาบ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน พรรคศูนย์กลางประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นายอูริเบสังกัดอยู่ออกแถลงการณ์ประณามและเปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า คนร้ายยิงจากด้านหลัง ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า เขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด และเข้าที่เข่า 1 นัด ภรรยาของเขาโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่า สามีอาการเป็นตายเท่ากัน รัฐบาลโคลอมเบียแจ้งในเวลาต่อมาว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ และกำลังสอบสวนว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยได้ตั้งเงินรางวัล 730,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24 ล้านบาท) แก่ผู้แจ้งเบาะแส สื่อท้องถิ่นรายงานว่า […]

สนามบินพร้อมสกัดกลุ่มเทาต่างชาติบินเข้าไทย หลังคุมเข้มเข้า-ออกด่านบก

7 มิ.ย. – ตามที่รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการเข้า-ออกด่านชายแดนทางบก และมีคำสั่งจากกองทัพบกให้อำนาจกองทัพภาคที่ 1 และ 2 พิจารณาคัดกรองการเข้าออกด่านชายแดนทางบก โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี และสระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่ 7 มิ.ย.2568 ในส่วนของการเข้าทางอากาศ โดยเฉพาะทางสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มต่างชาติที่ใช้เส้นทางเข้าออกไทย-กัมพูชา หันมาเดินทางเข้าแทนช่องทางบกนั้น วันนี้ (7 มิ.ย.2568 ) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า ตม.สนามบิน พร้อมขานรับนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร ที่มีจุดยืนด้านความมั่นคงชัดเจน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้เคยกำชับการสกัดกั้นคนต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าออกประเทศด้วยฟรีวีซ่าที่ผิดวัตถุประสงค์ และกลุ่มที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ซึ่งอาจใช้ไทยเป็นแหล่งทำธุรกิจฟอกเงิน จากการทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน และการปิดด่านชายแดน อาจมีกลุ่มต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ใช้เส้นทางเข้าไทยทางเครื่องบินแทนการผ่านแดนทางบก ทาง บก.ตม.2 จึงมีการสั่งการกำชับให้ด่าน ตม.สนามบินในสังกัด โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เพิ่มความเข้มในการเฝ้าสังเกตสกัดกั้นคนต่างชาติลักษณะเสี่ยงดังกล่าว โดยเน้นต่างชาติกลุ่มเฝ้าระวังสัญชาติเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการใช้ฟรีวีซ่าเข้าออกผิดประเภท […]

ข่าวแนะนำ

The Ministry of National Defence claims Cambodia has not withdrawn troops from its sovereign territory

กห.กัมพูชายืนยันไม่ได้ถอนทหารจากดินแดนอธิปไตย

พนมเปญ 9 มิ.ย. – กระทรวงกลาโหมแห่งชาติ เน้นย้ำว่า กัมพูชาไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชายึดครองมายาวนาน เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาวันนี้ มีเนื้อหาดังนี้ “ตามแถลงข่าวจากกระทรวงกลาโหมแห่งชาติในวันนี้ กระทรวงฯ ขอชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังต่อไปนี้: 1.ไม่มีการถอนกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชาได้ประจำการมาเป็นเวลานาน 2.การดำเนินการทั้งหมดของกองทัพกัมพูชาประกอบด้วยการประจำการ การจัดวางกำลัง การปรับเปลี่ยน และการเคลื่อนย้าย อยู่ภายในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา 3.กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางออกอย่างสันติสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการรุกรานทุกรูปแบบ 4.กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี (JBC) เพื่อดำเนินการวัดแนวเขตแดนและจัดทำเส้นเขตแดนในส่วนที่เหลือระหว่างสองประเทศ รวมถึงจุดที่กัมพูชาจะยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไอซีเจ (ICJ) กระทรวงกลาโหมแห่งชาติขอให้เพื่อนร่วมชาติและสื่อมวลชนใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น โดยเฉพาะแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกัมพูชาและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แท้จริง และเชื่อถือได้” .-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เยี่ยมชมจุดเจาะน้ำบาดาล พร้อมดื่มน้ำแร่เลาขวัญ

กาญจนบุรี 9 มิ.ย.-นายกฯ ตรวจราชการ เยี่ยมชม 2 โครงการน้ำบาดาลแก้ภัยแล้ง จ.กาญจบุรี เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นและทั่วถึง เตรียมใช้งบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแก้ปัญหาน้ำ เผยรอยยิ้มของคนกาญจนบุรีเป็นกำลังใจสำคัญในการทำงานของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่จังหวัดกาญจนบุรี 2 แห่ง โดยจุดแรก ที่บ้านปากชัดหนองบัว ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ. กาญจนบุรี โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมคณะนายกฯ นายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายสรุปจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งเตรียมที่จะมีโครงการเสนอของบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในหมวดโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ 12 โครงการ 3,194 รายการงบประมาณทั้งสิ้น 14,859 ล้านบาท โดยประชาชนจะได้รับประโยชน์กว่า 563,239 ครัวเรือน พื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 134,620 ไร่ และจะเกิดการจ้างงาน 29,214 คนรวมถึงเพิ่มปริมาณน้ำได้ถึง 211.46 ลูกบาศก์เมตรต่อปี […]

ปัตตานีป่วนซ้ำ เก็บกู้ระเบิดลูกที่ 3 ได้สำเร็จ

ปัตตานี 9 มิ.ย. – ปัตตานีป่วนซ้ำ! เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดลูกที่ 3 หลังเกิดเหตุระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่ง เมื่อคืน คาดเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน แต่ลูก 3 ไม่ทำงาน พร้อมเปิดเบาะแสภาพจากกล้องวงจรปิด ป่วนตั้งแต่ 6 โมงเช้า ชาวบ้านพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่หน้าร้านค้า ในตลาดมะกรูด อ.เมือง จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่รีบไปตรวจสอบ โดยใช้หุ่นยนต์เก็บกู้ระเบิด เข้าตรวจสอบในเบื้องต้น พบถุงกระดาษที่ใช้บรรจุกาแฟเย็น ภายในพบแผงวงจรระเบิด ประกอบด้วย หน้าปัดนาฬิกา และสายไฟ เจ้าหน้าที่ปิดกั้นพื้นที่เพื่อความเปลอดภัย จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ใช้อุปกรณ์เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า เป็นระเบิดตั้งเวลาไว้ แต่ไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ปลดชนวด เก็บกู้ได้สำเร็จ เบื้องต้นพบว่า ระเบิดลูกนี้ตั้งเวลาไว้ที่ 2 ทุ่มครึ่ง แต่ระเบิดไม่ทำงาน คาดว่าคนที่นำระเบิดลูกนี้มาวางไว้ น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่วางระเบิด 2 ลูก ที่ตลาดโต้รุ่ง เมื่อคืนนี้ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสจากภาพกล้องวงจรปิด พบผู้ต้องสงสัย […]

ด่านคลองลึกแน่น คนไทย-กัมพูชา รอคิวข้ามแดน

สระแก้ว 9 มิ.ย. – ด่านคลองลึกแน่น! คนไทย-กัมพูชา รอคิวผ่านพรมแดนอรัญประเทศ หลัง 2 ฝั่ง ปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน ไม่ตรงกัน บรรยากาศบริเวณด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เช้าตรู่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาจำนวนมากหลั่งไหลมาเข้าคิวเพื่อรอข้ามแดนกันอย่างเนืองแน่น เนื่องจากไทย ปรับเปลี่ยนเวลาการเปิด-ปิดด่านใหม่ ส่งผลให้ประชาชนที่ต้องการเดินทางเข้า-ออกประเทศต้องเร่งรีบมาเข้าคิวแต่เช้ามืด หวังจะได้เดินทางกลับประเทศโดยเร็ว บางคนเดินทางมารอที่ด่านตั้งแต่ ตี 5 อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะเปิดด่านเวลา 08.00 น. แต่กัมพูชายังคงใช้เวลาเปิดด่านตามเดิมคือ 09.00 น. ส่งผลให้ประชาชนทั้งสองฝั่งต้องรอนานขึ้น แถวผู้โดยสารจึงยาวเหยียดล้นออกมานอกบริเวณด่าน สร้างความแออัดและความไม่สะดวกให้กับผู้เดินทางจำนวนมาก ขณะที่บรรยากาศโดยรอบยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่ยังคงทยอยเดินทางเข้ามายังฝั่งไทยไม่ขาดสาย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้งสองฝั่งต้องเร่งมือในการอำนวยความสะดวก รวมถึงจัดระเบียบแถวเพื่อป้องกันความโกลาหล สำหรับประชาชนที่จำเป็นต้องเดินทางข้ามแดนในช่วงนี้ เจ้าหน้าที่แนะนำให้เผื่อเวลาในการเดินทางและตรวจสอบข้อมูลเวลาการเปิด-ปิดด่านของทั้งสองประเทศอย่างละเอียด เพื่อลดความเสี่ยงต่อความล่าช้าและความไม่สะดวก เช่นเดียวกับบริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเปิดด่านชายแดนของไทยและกัมพูชาที่ไม่ตรงกันทำวุ่น โดยเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยได้เปิดประตูด่านช่องจอม ท่ามกลางการเฝ้าสังเกตการณ์ของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายปกครองของไทย แต่ทางประตูของฝั่งกัมพูชาไม่เปิด ทหารไทยพยายามเข้าเจรจาเกี่ยวกับเวลาเปิดด่าน เพื่อให้นักเรียนข้ามไปสอบให้ทันเวลา […]