ห่วงคนปาร์ตี้ทำติดโควิดที่ทำงาน

สธ. 8 ม.ค.- กรมควบคุมโรค ห่วงคนปาร์ตี้ ทำติดโรคที่ทำงาน หลังพบไทม์ไลน์คนป่วยเชื่อมโยงหลายกิจกรรม เสี่ยงนำเชื้อไปแพร่ที่ทำงาน แนะ Work from home และเลี่ยงกินข้าวร่วมกัน


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์และความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ว่าประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อวันนี้ 205 คน ติดเชื้อในประเทศ 131 คน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทั้งนี้แม้ตัวเลขผู้ป่วยวันนี้น้อยลง แต่กราฟผู้ป่วยยังเพิ่มขึ้น ยังประมาทไม่ได้ การระบาดรอบใหม่ที่เริ่ม 15 ธ.ค. จนถึงปัจจุบัน พบป่วย 5,604 คน มากที่สุดใน จ.สุมทรสาคร 2,981 คน รองลงมาแถบภาคตะวันออก รวมถึง กทม.

อย่างไรก็ตาม ในจำนวนผู้ติดเชื้อ 5,604 คน มีเสียชีวิต 7 คน อัตราการเสียชีวิตรอบนี้ยังต่ำกว่ารอบที่ผ่านมามาก แต่ก็ต้องเฝ้าระวังมากที่สุด โดยในกลุ่มนี้อยู่ที่รพ. 2,599 คน อาการหนักใช้เครื่องช่วยหายใจ 8 คน และอยู่ รพ.สนาม 1,703 คน ยังอยู่ รพ.เฉพาะผู้ป่วยอาการน้อย 81 คน (อยู่ในโรงแรมที่ปรับเป็นโรงพยาบาลหรือฮอสพิเทล) ซึ่งรพ.สนามถือว่าสำคัญมากๆ เป็นหัวใจในการป้องกันโรคในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดมากๆ เช่น สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง ตราด จันทบุรี นอกจากนี้ที่น่ายินดีรักษาหายแล้ว 1,306 คน ทั้งนี้ขอย้ำว่าผู้ติดเชื้อผ่านไป 8-10 วัน จะไม่มีการแพร่เชื้อให้คนอื่น


นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ จ.สมุทรสาคร เป็นจังหวัดจุดเริ่มต้นของการระบาดรอบนี้ โดยพบตลาดกลางกุ้งมีผู้ติดเชื้อเกือบร้อยละ 40 มีคนตั้งคำถามว่าในโรงงาน หรือในชุมชนที่มีแรงงานต่างด้าวทั่วประเทศมีแนวโน้มอย่างไร ซึ่งได้มีการลงไปเฝ้าระวังในชุมชนต่างด้าวในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งเขตสุขภาพที่ 1 ภาคเหนือตอนบน เขตสุขภาพที่ 2 ภาคเหนือตอนกลาง และเขตสุขภาพที่ 3 ภาคเหนือตอนล่าง ทั้ง จ.นครสวรรค์ พิจิตร จะเห็นว่าการตรวจแรงงานต่างด้าวตรวจไปกว่า 1,500 คน พบติดเชื้อ 3 คน ส่วนภาคใต้ เขต 11 และ 12 ภาคใต้ตอนล่าง ตรวจไปเกือบ 5,000 คน พบผู้ติดเชื้อ 1 คน ดังนั้น แรงงานต่างด้าวที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ จ.สมุทรสาคร และเขตพื้นที่ภาคกลางเป็นหลัก ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้จากการตรวจกว่า 20,000 คน พบผู้ติดเชื้อน้อยมาก แต่การเฝ้าระวังแรงงานต่างด้าวยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การระบาดในช่วงที่ผ่านมา นอกเหนือจากตลาดกลางกุ้งและชุมชนจะมีอีกกรณีหนึ่ง คือการระบาดในสถานที่ทำงาน โดยพบหลายกรณี เช่น กรณีแรงงานเมียนมาไปงานแต่งที่สมุทรสาครในช่วงที่เริ่มพบผู้ป่วยรายแรกในพื้นที่ จากนั้นเกิดการติดเชื้อและเมื่อกลับมาที่โรงงานของตัวเองก็ทำให้เกิดการติดเชื้อต่อในกลุ่มเพื่อนร่วมงาน ทั้งคนเมียนมาอายุระหว่าง 20-30 ปี และคนไทย อายุ 37 ปี 27 ปี และ 43 ปี โรงงานปิดตัวแล้ว อีกกรณีหนึ่งที่มีการเชื่อมโยงกับตลาดที่จังหวัดสมุทรสาครคือที่กรุงเทพฯ เป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารมีการไปแพร่เชื้อต่อในธนาคารและไปสังสรรค์ช่วงวันที่ 25 ธ.ค. และเกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสอบสวนการระบาดที่สถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้า คนที่ไปเที่ยวก็มีโอกาสนำเชื้อมาติดเพื่อนร่วมงานและคนในครอบครัว ซึ่งพบหลายกรณี

นพ.โสภณ กล่าวว่า การกิจกรรมสังสรรค์ปาร์ตี้มีความเสี่ยงในระยะนี้ ความปลอดภัยในสถานที่ทำงานจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากในระยะนี้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็ตาม เนื่องจากเริ่มพบพนักงานของสถานประกอบการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ห้างร้าน ซึ่งมีพนักงานหลายคน หากมีคนใดคนหนึ่งติดเชื้อไม่มีการป้องกันในที่ทำงานก็จะเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อต่อเนื่องได้ ดังนั้น ขอให้ทุกสถานประกอบการ รวมทั้งสถานที่ราชการ ต้องเคร่งเรื่องของการตรวจคัดกรองอาการ สังเกตการเจ็บป่วยของพนักงาน หากมีใครเจ็บป่วยจะต้องรีบแยกออกจากผู้ที่ยังไม่ป่วย และคงการสวมหน้ากากล้าง มือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกัน เลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน รวมถึงรวมถึงนโยบายการทำงานที่บ้านต้องส่งเสริมให้ดำเนินการมากขึ้นเพื่อลดความแออัดในที่ทำงานเพื่อป้องกันความเสี่ยง


นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับการสอบสวนการระบาดโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับสนามชนไก่ ที่จังหวัดอ่างทองล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรวม 101 ราย จากเดิมอยู่ที่ 80 กว่าราย ใน 8 จังหวัด อ่างทองซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามชนไก่มีผู้ป่วยมากที่สุด 70 ราย รองลงมาเป็นพระนครศรีอยุธยา 3 ราย สิงห์บุรี 6 ราย ลพบุรี 5 ราย สุพรรณบุรี 3 ราย ขอนแก่น 2 ราย สระบุรีและนนทบุรี จังหวัดละ 1 ราย ดังนั้นผู้ที่มีกิจกรรมในช่วงเวลาดังกล่าวตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. ถึงต้นเดือน ม.ค.ที่ไปสนามชนไก่ในพื้นที่ภาคกลางไม่ว่าจะเป็นแห่งใดก็ตาม ถือว่ามีความเสี่ยงเพราะผู้ที่ไปสนามชนไก่ก็มักจะไปในสถานที่หลายแห่งเช่นเดียวกันจึงขอเฝ้าระวัง สังเกตตัวเองเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วมือเผารถ “ศิริโชค” ญาติเผยจิตไม่ปกติ

6 ก.ค. – จับได้แล้ว มือวางเพลิงรถยนต์ “ศิริโชค” ตำรวจเค้นสอบ ยอมรับก่อเหตุจริง ญาติเผยจิตไม่ปกติ พูดคนเดียวมาหลายเดือน ด้าน “ศิริโชค” ไม่เชื่อลงมือเองจากอาการทางจิต น่าจะมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง กล้องวงจรปิดจับภาพนายเบียร์ อายุ 29 ปี ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยบ้านพักของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.เขต 7 สงขลา 4 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ ช่วงตี 3 คืนวานนี้ (5 ก.ค.) ต.ฉาง อ.นาทวี จ.สงขลา และไปคุยกับคนเฝ้าบ้านนายศิริโชค ที่ประตูหน้าบ้าน ก่อนขี่รถออกไป จากนั้นช่วงเวลา 03.45 น. นายเบียร์ขี่รถย้อนกลับเข้าไปในซอยบ้านของนายศิริโชคอีกครั้ง ก่อนจะมีข่าวรถยนต์ GWM HAVAL H6 PHEV หรือปลั๊กอิน-ไฮบริด กึ่งไฟฟ้ากึ่งน้ำมัน เกิดเพลิงไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ซึ่งขณะนั้น ยังไม่มั่นใจว่าเกิดจาะระบบรถยนต์ขัดข้อง หรือสาเหตุอย่างอื่น จนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นที่แน่ชัดว่า นายเบียร์เป็นคนก่อเหตุวางเพลิงรถยนต์ของนายศิริโชค […]

“โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 6 ก.ค. – “โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา “สอบสวนกลาง-ดีเอสไอ-หน่วยงานปกครอง” ลงด้วยเพียบ สงสัยฝั่งตรงข้ามเป็นฐานสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์ หรือไม่ แย้มมีข้อมูลทุนใหญ่เป็นหลังบ้านผู้มีอำนาจกัมพูชา เจอแน่ปิดห้องคุยพรุ่งนี้ แนะสร้างเสาเซ็นเซอร์ตรวจจับชายแดน หมาแมวตรวจได้หมด หากลักลอบเข้า ด้าน “ชุติพงศ์” โวย เขมรไม่ทำรั้ว-รับผิดชอบ ปล่อยผ่านคนลักลอบเข้าออก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร​ ลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว​ ร่วมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ​ สภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อดูการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและการบริหารกิจการชายแดนไทย-กัมพูชา​ โดยมีหน่วยงานความมั่นคง​ นายอำเภอ​ กรมการปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ด้วย จุดแรกมาที่บริเวณด้านหลังห้างสรรพสินค้า​อรัญประเทศ​ โดย พ.อ.เมธี คำเต็ม ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา รายงาน​ว่า​ จุดนี้​เป็นพื้นที่​ที่การข่าวแจ้งว่า​ใช้เป็นช่องทางลักลอบข้ามไปฝั่งกัมพูชา​ เป้าหมายไปทำงานหรือเล่นการพนัน​ ปัจจุบันได้ซีลพื้นที่ตรงนี้แล้ว แต่ก็มีการลักลอบเข้าออกตลอด แม้จะมีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา […]

“บิ๊กเต่า” ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด คลี่ปมพัวพันสีกา ก.

6 ก.ค.- “บิ๊กเต่า” เผยคำให้การสีกา ก. เป็นประโยชน์ อาจโยงไปถึงการทุจริต แต่ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด เตรียมประชุมคณะทำงานสัปดาห์หน้า เรียกผู้เกี่ยวข้องสอบเพิ่มเติม ยืนยันหากพบใครเอี่ยวพร้อมดำเนินคดี 12.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงกรณีการเรียกตัวสีกาอักษรย่อ ก. มาสอบปากคำ ว่า หลังจากนำตัวสีกา ก. มาสอบ ก็ได้ข้อมูลในแนวทางที่ดีและมีประโยชน์ อาจนำไปสู่เรื่องที่อาจเอี่ยวกับการทุจริต แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบให้ละเอียด เพราะทุกอย่างต้องชัดเจน เนื่องจากคำให้การอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีหลักฐานอื่นประกอบด้วย จากคำให้การของสีกา ก. ว่า มีการเล่นพนันออนไลน์ แล้วเงินที่ใช้เล่นเป็นเงินส่วนไหน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ แต่เขามีการเล่นพนันจริง” ตอนนี้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยมี ปปป. เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันหลายพื้นที่ ส่วนเรื่องบัญชีวัด ทางบก.ปปป. ก็มีอำนาจสามารถตรวจสอบได้เลย ประมาณวันจันทร์-อังคารที่จะถึงนี้ จะมีการประชุมถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า สีกา ก. เคยทำให้พระสึกมาแล้วถึง 2 รูป จริงหรือไม่ […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย