นิสิตหอพักจุฬาฯติดโควิด 1 ราย

กรุงเทพฯ 5 ม.ค.-หอพักนิสิตจุฬาฯ แจ้งพบนิสิตหอพักติดโควิด 1 ราย ประกาศปิดการเข้าออก ปิดพื้นที่ทำความสะอาด และตรวจคัดกรองนิสิต บุคลากร และผู้ปฏิบัติงานทุกคน


ผศ.ดร.ชัยพร ภู่ประเสริฐ รองอธิการบดี ปฏิบัติการแทนอธิการบดี ลงนามในประกาศหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง ประกาศกรณีนิสิตหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับผลการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีผลเป็นบวก โดยมีรายละเอียดว่า

จากการที่หอพักได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ว่า มีนิสิตหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 1 คน ได้รับผลการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีผลเป็นบวก ซึ่งปัจจุบันเป็นช่วงปิดภาคการศึกษา ไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอน อย่างไรก็ตามทางหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอแจ้งมาตรการดำเนินการของหอพัก ดังต่อไปนี้


1.ปิดการเข้าออกเพื่อจำกัดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดทั้งภายในหอพัก มหาวิทยาลัย และสังคมภายนอก ตั้งแต่วันที่ 4-18 มกราคม 2564 (14วัน)

2.ปิดพื้นที่ที่นิสิตรายดังกล่าวพักอาศัยและทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ดังกล่าวและส่วนกลาง

3.นำนิสิตหอพัก บุคลากร และผู้ปฏิบัติงานทุกคนมาเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยศูนย์สุขภาพแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามลำดับความเสี่ยงโดยเร็วที่สุด


สำหรับนิสิตหอพักที่ได้เดินทางกลับภูมิลำเนา หลังจากวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ขอให้กักตัวอยู่ที่ที่พักอาศัย เพื่อสังเกตอาการเป็นระยะเวลา 14 วัน หากมีอาการไม่สบายเข้าข่ายต้องสงสัย ขอให้รีบรายงานตัวกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่และแจ้งหอพักเพื่อทราบต่อไป

ขณะที่ในเวลาต่อมา โพสต์ประกาศเรื่องแนวทางปฏิบัตินิสิตหอพักในช่วงการระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ในพื้นที่ ฉบับที่ 3 มีรายละเอียดว่า

ตามประกาศกรณีนิสิตหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับผลการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา2019 มีผลเป็นบวกจำนวน 1คน ลงวันที่ 4 มกราคม 2564 หอพักนิสิตขอความร่วมมือนิสิตที่พักอาศัยอยู่ในหอพักทุกคน ปฏิบัติดูแลตนเองอย่างเคร่งครัด ระหว่างวันที่ 4-17 มกราคม 2564 รวมเป็นระยะเวลา 14 วัน ตามมาตรการของหอพัก ดังนี้

1.การพักอาศัยในพื้นที่หอพัก ให้ปฏิบัติ ดังนี้
1.1 นิสิตทุกคน ที่อยู่หอพักตลอดช่วงหลังสอบปลายภาค จนถึงวันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ต้องเข้ารับการตรวจ Strip test โดยแจ้งความจำนงผ่านคิวอาร์โค้ด ท้ายประกาศ ภายในวันอังคารที่ 5 มกราคม 2564 ก่อนเวลา 13.00 น.โดยรอแจ้งการนัดหมายจากหอพักเพื่อทยอยเข้ารับการตรวจ ณ ศูนย์บริการสุขภาพ อาคารจามจุรี 9 ตามลำดับ

1.2 นิสิตสามารถพำนักอาศัยอยู่ในหอพักและดำเนินชีวิตปกติภายในพื้นที่ รั้วหอพักเท่านั้น สามารถนั่งรวมกลุ่มกันไม่เกิน 4 คน และอาศัยระยะห่าง ในพื้นที่ใต้ตึกพักและโรงอาหารหอพัก โดยหอพักขอปิดพื้นที่ส่วนกลาง ได้แก่ ห้องคอมมอนในตึกพัก ห้องชมรม โรงยิม และสนามบาสเกตบอล
1.3 นิสิตสามารถรับประทานอาหารในโรงอาหารหอพัก โดยนั่งรักษาระยะห่างตามที่หอพักกำหนด กรณีสั่งอาหารจากแหล่งอื่ง หรือสั่งของออนไลน์ หอพักกำหนดจุดรับส่งเฉพาะบริเวณหน้าประตูทางเข้าหอพัก ฝั่งถนนพญาไทเท่านั้น โดยนิสิตต้องรับของที่สั่งตามโต๊ะที่หอพักจัดเตรียมไว้ด้วยตนเอง
1.4 นิสิตตรวจวัดอุณหภูมิทุกวันบริเวณโต๊ะ รปภ.ก่อนเข้าออกตึกพัก ส่วนหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากหอพัก หมั่นล้างมือด้วยน้ำ หรือฟอกสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์
1.5 หากนิสิตสงสัยมีอาการไข้ อุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาตัวร้อนปวดเนื้อ ปวดตัว หนาวสั่น มีอาการไอ จาม เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจลำบาก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้ติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ 0-2 218 0568 (ในวันและเวลาทำการ )หรือสายด่วนที่หมายเลขโทรศัพท์ 091-761-0988 ตลอด 24 ชั่วโมง
1.6 กรณีนิสิตติดฝึกงานและต้องเดินทางไปกลับหอพัก ขอให้นิสิตแจ้งยังต้นสังกัดที่ฝึกงานและคณะว่าอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาด จะต้องกักตัวตามมาตรการควบคุมโรค และขอความอนุเคราะห์โดยปรับรูปแบบเป็นเวิร์คฟอร์มโฮม หรือให้เลื่อนเวลาฝึกงาน หลังกลับสู่ภาวะปกติ หากนิสิตมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ขอให้นิสิต ทำเรื่องผ่านคณะเพื่อหาแนวทางที่เป็นไปได้ต่อไป
1.7 นิสิตสามารถติดต่อสำนักงานนิสิตหอพักได้ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์เวลา 08.00-17.00 น. วันเสาร์ถึงวันอาทิตย์เวลา 09.00-17.00 น.

2.กรณีนิสิตที่จะเดินทางกลับมาจากต่างจังหวัด ระหว่างวันที่ 4-17 มกราคม 2564
2.1 กรณีมารับของตนเองในตึกพักทุกกรณี หอพักขอความร่วมมือนิสิต เลื่อนกำหนดที่จะเข้ามาออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ หรือนิสิตหาแนวทางอื่นที่เหมาะสม โดยขอความร่วมมือเพื่อนร่วมห้อง หรือเพื่อนร่วมตึกพักไปหยิบของตนเอง และส่งมอบของ ณ จุดรับส่ง เฉพาะบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าหอพัก ฝั่งถนนพญาไทเท่านั้น
2.2 กรณีนิสิตมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ให้นิสิตกรอกข้อมูลแจ้งเหตุผลความจำเป็นล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันทำการ แจ้งผ่านคิวอาร์โค้ดท้ายประกาศและต้องกักตัวในพื้นที่ที่หอพักกำหนดเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน โดยขอให้นิสิตทบทวนและประเมินเหตุผลความจำเป็น ที่จะเข้าหอพัก ปิดการเข้าออก

3.กรณีบุคคลภายนอก ไม่อนุญาตทุกกรณี ยกเว้นเจ้าหน้าที่บุคลากรหรือ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในหอพักเท่านั้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]