ห่วงลักลอบเล่นพนัน แพร่เชื้อโควิด

สธ.30ธ.ค.-สธ.ห่วงการลักลอบเล่นการพนัน เป็นสาเหตุแพร่เชื้อ ย้ำให้งดกิจกรรมสาธารณะผู้คนแออัดในช่วงปีใหม่ ถ้าจำเป็นต้องเดินทางควรทำ self timeline เพื่อการดำเนินงานควบคุมโรคจะได้แม่นยำถูกต้องขณะที่ การติดเชื้อแบบเป็นกลุ่มก้อนที่ร้านอาหารในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นจาก 22 คน เป็น 33 คนแล้ว


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อในประเทศมากถึง 241 คน จึงยังต้องมีการควบคุมการแพร่ระบาดให้มากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดง เช่น จ.สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี กรุงเทพฯ เพราะมีตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มทุกวัน ต้องย้ำอีกครั้งให้งดกิจกรรมเฉลิมฉลองที่รวมตัวกันในพื้นที่สาธารณะ ถ้าจำเป็นสามารถ รวมตัวกันเฉพาะกลุ่ม ที่บ้านได้

นพ.โอภาส กล่าวว่า จะเห็นว่ามีการแพร่กระจายการติดเชื้อโควิด-19ไปในหลายจังหวัดแบบคละกันคือมีทั้งผู้ติดเชื้อเดินทางไปทำธุระ ทำกิจกรรม ในหลายสถานที่ ซึ่งผู้ติดเชื้อบางคนก็ยังไม่สามารถสอบสวนโรคได้ชัดเจน ทำให้ต้องมีมาตรการอย่างเข้มข้นในพื้นที่สีแดงต่อเนื่อง ซึ่งในความเห็นส่วนตัว เห็นว่าเรายังสามารถควบคุม โควิด-19 ได้ดี โดยใช้มาตรการด้านสังคมและความร่วมมือของทุกคน อย่างไรก็ตามช่วงปีใหม่จะมีคนเดินทางเป็นจำนวนมากเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด จึงขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทำแผนเตรียมความพร้อมรับมือให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในจังหวัดของตนและสอดคล้องกับมาตรการของ ศบค. ทั้งติดตามประเมินผลการดำเนินงานเป็นระยะ การจัดกิจกรรมสาธารณะช่วงเทศกาลปีใหม่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดให้งดเว้น โดยสิ้นเชิง


ส่วนการจัดกิจกรรมในพื้นที่เฝ้าระวังให้ลดการจัดกิจกรรมมากที่สุด ให้อยู่เฉพาะครอบครัว หรือหากจะจัดต้องได้รับอนุญาตก่อน หากจัด กิจกรรมที่มีคนรวมกันมากกว่า 100 คนต้องขออนุญาตก่อน จึงทำให้การจัดกิจกรรมปีใหม่ เน้นแบบเวอร์ชวลหรือออนไลน์เช่นสวดมนต์ข้ามปี,แรงงานต่างด้าวให้อยู่ภายในพื้นที่จังหวัดที่พักของตน งดการไปมาหาสู่ให้นายจ้างตรวจสอบดูแลลูกจ้างเข้มงวด พร้อมให้ อสม.เคาะประตูบ้านให้ความรู้ประชาชน ข้อสำคัญขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงเช่นสถานที่ลักลอบเล่นการพนัน

กรณีจังหวัดชลบุรีที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่วนมากพบที่อำเภอบางละมุง ขอชี้แจงว่าเมื่อทุกคนเข้าไปรวมตัวกันในบ่อนการพนันจะมีความแออัดสูงใกล้ชิดกันมาก สอดคล้องกับภาพและข่าวที่สื่อมวลชนได้นำเสนอว่าผู้ที่ลักลอบเล่นการพนันมักจะไม่อยู่ในบ่อนเดียว แต่จะเดินทางไปหลายแห่งทำให้การแพร่กระจายโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นที่ที่มีความเสี่ยงสูงและเมื่อไปซักประวัติคนที่ติดเชื้อเหล่านี้มักจะไปสถานบันเทิงต่อเนื่อง ทำให้มีการติดเชื้อที่สถานบันเทิงร่วมด้วย และขยายไปยังบุคคลในครอบครัว รวมทั้งโรงเรียนที่คนในครอบครัวเรียนอยู่ จึงขอย้ำว่าประชาชนต้องเป็นหูเป็นตาด้วย ส่วนสถานที่ลักลอบเล่นการพนันที่เปิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ก็ขอให้ยุติการกระทำนั้น

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวถึงการสอบสวนโรคกรณีการพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้โดยสารรถตู้เช่าเหมาไปเที่ยวจังหวัดระยอง-จันทบุรี ระหว่างวันที่ 17-20 ธันวาคม ที่มีผู้โดยสาร 11 คน เริ่มต้นจากผู้ติดเชื้ออายุ 57 ปีตรวจพบเชื้อเมื่อ 23 ธันวาคม จากการสอบสวนรวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งคนในครอบครัวและผู้เดินทางไปด้วยตั้งแต่ย่าอายุ 68 ปู่ แม่และพ่อ พบว่ามีการติดเชื้อในจำนวนที่มากกว่าปกติ ฉันต้องทำการสอบสวนโรคต่อไป และวันนี้ยังพบผู้ติดเชื้อที่ จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นรายแรก ซึ่งเชื่อมโยงกับการเดินทางมาจากจังหวัดระยองด้วย จึงขอแจ้งผู้ที่มีประวัติเดินทางไปจังหวัดระยอง ที่อำเภอเมือง อำเภอแกลง บ้านนิคมพัฒนา บ้านค่าย ที่มีความเสี่ยงไปสถานที่ลักลอบเล่นการพนันหรือพื้นที่พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว มีอาการไอเจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่นลิ้นไม่ได้รับรส ตั้งแต่ 1 ธันวาคมให้ไปรับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน


ส่วนเหตุการณ์ผู้ป่วยที่สถานบันเทิงและร้านอาหารในกรุงเทพฯ 3แห่ง ย่านปิ่นเกล้า ตั้งแต่วันที่ 17-30 ธันวาคม ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคของนนทบุรี และกรุงเทพพบว่ามีผู้ป่วยครั้งแรก 22 ราย

ข้อมูลล่าสุดหลังสอบสวนแล้วพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยจากสาเหตุเดียวกันนี้เพิ่มจาก 22 เป็น 33 รายพบว่า ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ มีอาการมากแค่ 11 คน จึงขอให้ผู้ที่มีประวัติเสี่ยงมาเที่ยวแถวสถานบันเทิงและร้านอาหารแถวปิ่นเกล้าให้ รีบพบแพทย์

ส่วนกรณีที่มีการแชร์กันว่ามีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อแล้ว 15 รายนั้นอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้รับข้อมูลมาเช่นกัน แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนโรค ยังไม่สามารถสรุปได้ซึ่งต้องเรียนว่าการติดเชื้อ โควิด-19 ของบุคลากรทางการแพทย์ เป็นเรื่องปกติ แต่จะต้องมีการสอบสวนโรค ให้แน่ชัด จึงจะอธิบายกับสาธารณะได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย