ผลบวก 3 คนใกล้ชิดแม่ค้าตลาดกุ้งติดโควิด

สธ.18 ธ.ค.-สธ.แถลงผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ 16 รายมาจากต่างประเทศ 15 รายพักใน State Quarantine และในประเทศ 1 ราย เป็นหญิงวัย 67 เจ้าของแพปลาในตลาดกุ้ง จ.สมุทรสาคร ผลตรวจคนใกล้ชิด 3 คนเป็นบวก สอบสวนโรคมีผู้สัมผัสรวม 165 คน เสี่ยงสูงสัมผัสใกล้ชิด 26 ราย เสี่ยงต่ำ 139 ราย ต้นตอของเชื้อโควิดที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายนี้ น่าจะเป็นบุคคลที่อยู่นอกครอบครัว รอผลการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่าหลงเชื่อข่าวลือในโลกโซเชียล


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศและความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ในประเทศ โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 16 รายเป็นบุคคลที่มาจากต่างประเทศ 15 ราย ตอนนี้อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้หรือ State Quarantine ทั้งหมด โดย15ราย แบ่งเป็นมาจากอินเดีย 1ราย เมียนมา 1 ราย,เนเธอร์แลนด์ 1ราย,ตุรกี 1ราย,สวิตเซอร์แลนด์ 2 ราย, ซาอุดีอาระเบีย 5 ราย(เป็นคนไทยทั้งหมด) และสหราชอาณาจักร 1 ราย และมีผู้ติดเชื้อในประเทศ 1 ราย รวมมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยัน 4,297 ราย รักษาป่วยบ้านได้แล้ว 4,005 ราย และมีผู้เสียชีวิต 60 รายเท่าเดิม

ส่วนกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ 1 ราย คือกรณีที่วานนี้ (17 ธ.ค.) ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครแถลงเป็นหญิงอายุ 67 ปี อาชีพค้าขาย เจ้าของแพปลาในตลาดกุ้ง จ.สมุทรสาคร เบื้องต้นจากการสืบสวนโรค เป็นผู้ที่ไม่ชอบสวมแมสก์ ไม่เคยเดินทางไปไหน อยู่แต่ที่บ้าน และที่ทำงาน มีลูกจ้างเป็นชาวเมียนมา 2 คน อยู่ร่วมบ้านเดียวกับลูกชาย และไปนอนเฝ้าแม่อายุ 95 ปีที่ป่วยติดเตียงในบ้านฝั่งตรงข้าม ขณะนี้ผู้ป่วยเข้ารักษาตัวที่ รพ.สมุทรสาคร


สำหรับอาการที่พบคือ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.63 มีอาการปวดเมื่อย จมูกไม่ได้กลิ่น จึงเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พบว่ามีผลเป็นบวก จึงส่งมาเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร จากนั้นวันที่ 17 ธ.ค. ผลการตรวจ 2 ครั้งจากโรงพยาบาลสมุทรสาคร และ ศวก.ที่ 5 สมุทรสงคราม พบผลเป็นบวก แพทย์ยืนยันว่าติดเชื้อโควิด–19 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการกักกันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร

ส่วนผลการลงพื้นที่สอบโรคพบมีผู้สัมผัสกับผู้หญิงคนดังกล่าวรวมทั้งหมด 165 คน แบ่งเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูงหรือสัมผัสอย่างใกล้ชิด 26 ราย แยกเป็น

1.บุคคลในครอบครัว 7 ราย ผลจากการตรวจมีผู้ที่ผลตรวจเป็นบวก 3 รายคือแม่ (ผู้ป่วยติดเตียง อายุ 95 ปี),พี่สาว (อายุ 73 ปี และน้องสะใภ้(หญิง อายุ 57 ปี) โดย 3 คนนี้ต้องรอผลตรวจซ้ำยืนยันอีกครั้ง ขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


2.ในแพปลาของผู้ป่วย 3 ราย คือ ลูกชายของผู้ป่วย ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ส่วนอีก 2 คน เป็นลูกจ้างชาวเมียนมาร์อยู่ในระหว่างการรอผลตรวจสอบ

3.บุคลากรในโรงพยาบาลเอกชน 8 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ

4.แรงงานในตลากุ้ง รวม 8 ราย (แรงานไทย 3, เมียนมา 4 และสัญชาติอื่น 1) ทั้งหมดอยู่ระหว่างการรอผลทดสอบ

และกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำรวมทั้งหมด 139 ราย เป็นสัญชาติไทย 14 ราย และเมียนมา 125 ราย ทั้งหมดอยู่ระหว่างการรอผลทดสอบ

สำหรับมาตรการการค้นหาผู้ใกล้ชิดเพิ่มเติมทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีตีกรอบในพื้นที่ใกล้เคียง เรียงลำดับความเสี่ยงสูงไปหาต่ำ ไล่ตั้งแต่ ตลาดกลางค้ากุ้ง ,ตลาดทะเลไทย ,หอพักศรีเมือง ซึ่งเป็นหอพักของแรงงานชาวเมียนมาในพื้นที่ ,และ พื้นที่อื่นๆเพิ่มเติม

สำหรับต้นตอของเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายนี้ นพ.โสภณ กล่าวว่า น่าจะเป็นบุคคลที่อยู่นอกครอบครัวเพราะผลการสอบสวนในเบื้องต้นไม่พบว่ามีบุคคลในครอบครัวคนใดเดินทางไปยังต่างประเทศ ขอรอผลการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งถึงจะสามารถระบุที่มาที่ไปของผู้ที่แพร่เชื้อโรคได้อย่างชัดเจน ขอให้รอฟังการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ และอย่าหลงเชื่อข่าวลือในโลกโซเชียล เช่น กรณีนี้ที่มีคนติดเชื้อเป็นร้อยคน เสี่ยงติดเชื้ออีกหลายหมื่นคนอย่างเด็ดขาด

ส่วนมาตรการในการควบคุมโรค ผู้บริหารตลาดให้ความร่วมมือในการหยุดให้บริการตลาดกุ้ง 1 วัน ในส่วนแพปลาที่พบผู้ป่วยจะหยุดให้บริการจนครบ 3 วันและทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ ระยะเวลาที่ปิดเพื่อทำความสะอาดนั้น ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องปิดเป็นเวลานาน ขึ้นอยู่กับการจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่า คือคนที่มีความเสี่ยง แต่ไม่แสดงอาการและอยู่ในระหว่างการฟักเชื้อ ตรงนี้ต้องมีความเข้มงวดในการ คัดกรองคนหลังจากเปิดตลาดแล้วอย่าบกพร่องเด็ดขาด

ขณะที่นพ.โอภาส กล่าวถึงกรณีพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ,เชียงใหม่ พะเยา กรุงเทพฯ พิจิตร ราชบุรีและสิงห์บุรี ก่อนหน้านี้ที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งหมด 23 ราย ขณะนี้ผ่านมาครบสองสัปดาห์แล้วโดยที่ไม่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจังหวัดเพิ่มเติมเท่ากับว่าขณะนี้ทุกจังหวัดกลับเข้าสู่ภาวะปลอดภัยและปกติแล้ว ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม และฝากไปยังคนในจังหวัดอื่นๆว่าทั้ง 7 จังหวัดสามารถไปท่องเที่ยวได้เหมือนเดิมแต่ยังคงเน้นย้ำให้ใช้มาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มข้น ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือให้สะอาด และรักษาระยะห่างเมื่อต้องออกไปยังสถานที่ ที่มีผู้คนจำนวนมาก

ส่วนในช่วงเทศกาลปีใหม่และคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงย้ำอีกครั้งว่าสามารถจัดงานได้เหมือนเดิมเนื่องจากตอนนี้ไม่พบการระบาดในประเทศ แต่ขอให้จัดงานแบบรักษาระยะห่างลดความหนาแน่นและแออัดของคนที่จะเข้ามาร่วมงานในพื้นที่หนึ่ง โดยใช้สัดส่วน 1 ตารางเมตรต่อ 1 คน หรือลดคนร้อยละ 50 เพื่อความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session […]