ผลบวก 3 คนใกล้ชิดแม่ค้าตลาดกุ้งติดโควิด

สธ.18 ธ.ค.-สธ.แถลงผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ 16 รายมาจากต่างประเทศ 15 รายพักใน State Quarantine และในประเทศ 1 ราย เป็นหญิงวัย 67 เจ้าของแพปลาในตลาดกุ้ง จ.สมุทรสาคร ผลตรวจคนใกล้ชิด 3 คนเป็นบวก สอบสวนโรคมีผู้สัมผัสรวม 165 คน เสี่ยงสูงสัมผัสใกล้ชิด 26 ราย เสี่ยงต่ำ 139 ราย ต้นตอของเชื้อโควิดที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายนี้ น่าจะเป็นบุคคลที่อยู่นอกครอบครัว รอผลการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่าหลงเชื่อข่าวลือในโลกโซเชียล


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศและความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ในประเทศ โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 16 รายเป็นบุคคลที่มาจากต่างประเทศ 15 ราย ตอนนี้อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้หรือ State Quarantine ทั้งหมด โดย15ราย แบ่งเป็นมาจากอินเดีย 1ราย เมียนมา 1 ราย,เนเธอร์แลนด์ 1ราย,ตุรกี 1ราย,สวิตเซอร์แลนด์ 2 ราย, ซาอุดีอาระเบีย 5 ราย(เป็นคนไทยทั้งหมด) และสหราชอาณาจักร 1 ราย และมีผู้ติดเชื้อในประเทศ 1 ราย รวมมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยัน 4,297 ราย รักษาป่วยบ้านได้แล้ว 4,005 ราย และมีผู้เสียชีวิต 60 รายเท่าเดิม

ส่วนกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ 1 ราย คือกรณีที่วานนี้ (17 ธ.ค.) ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครแถลงเป็นหญิงอายุ 67 ปี อาชีพค้าขาย เจ้าของแพปลาในตลาดกุ้ง จ.สมุทรสาคร เบื้องต้นจากการสืบสวนโรค เป็นผู้ที่ไม่ชอบสวมแมสก์ ไม่เคยเดินทางไปไหน อยู่แต่ที่บ้าน และที่ทำงาน มีลูกจ้างเป็นชาวเมียนมา 2 คน อยู่ร่วมบ้านเดียวกับลูกชาย และไปนอนเฝ้าแม่อายุ 95 ปีที่ป่วยติดเตียงในบ้านฝั่งตรงข้าม ขณะนี้ผู้ป่วยเข้ารักษาตัวที่ รพ.สมุทรสาคร


สำหรับอาการที่พบคือ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.63 มีอาการปวดเมื่อย จมูกไม่ได้กลิ่น จึงเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พบว่ามีผลเป็นบวก จึงส่งมาเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร จากนั้นวันที่ 17 ธ.ค. ผลการตรวจ 2 ครั้งจากโรงพยาบาลสมุทรสาคร และ ศวก.ที่ 5 สมุทรสงคราม พบผลเป็นบวก แพทย์ยืนยันว่าติดเชื้อโควิด–19 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการกักกันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร

ส่วนผลการลงพื้นที่สอบโรคพบมีผู้สัมผัสกับผู้หญิงคนดังกล่าวรวมทั้งหมด 165 คน แบ่งเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูงหรือสัมผัสอย่างใกล้ชิด 26 ราย แยกเป็น

1.บุคคลในครอบครัว 7 ราย ผลจากการตรวจมีผู้ที่ผลตรวจเป็นบวก 3 รายคือแม่ (ผู้ป่วยติดเตียง อายุ 95 ปี),พี่สาว (อายุ 73 ปี และน้องสะใภ้(หญิง อายุ 57 ปี) โดย 3 คนนี้ต้องรอผลตรวจซ้ำยืนยันอีกครั้ง ขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


2.ในแพปลาของผู้ป่วย 3 ราย คือ ลูกชายของผู้ป่วย ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ส่วนอีก 2 คน เป็นลูกจ้างชาวเมียนมาร์อยู่ในระหว่างการรอผลตรวจสอบ

3.บุคลากรในโรงพยาบาลเอกชน 8 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ

4.แรงงานในตลากุ้ง รวม 8 ราย (แรงานไทย 3, เมียนมา 4 และสัญชาติอื่น 1) ทั้งหมดอยู่ระหว่างการรอผลทดสอบ

และกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำรวมทั้งหมด 139 ราย เป็นสัญชาติไทย 14 ราย และเมียนมา 125 ราย ทั้งหมดอยู่ระหว่างการรอผลทดสอบ

สำหรับมาตรการการค้นหาผู้ใกล้ชิดเพิ่มเติมทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีตีกรอบในพื้นที่ใกล้เคียง เรียงลำดับความเสี่ยงสูงไปหาต่ำ ไล่ตั้งแต่ ตลาดกลางค้ากุ้ง ,ตลาดทะเลไทย ,หอพักศรีเมือง ซึ่งเป็นหอพักของแรงงานชาวเมียนมาในพื้นที่ ,และ พื้นที่อื่นๆเพิ่มเติม

สำหรับต้นตอของเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายนี้ นพ.โสภณ กล่าวว่า น่าจะเป็นบุคคลที่อยู่นอกครอบครัวเพราะผลการสอบสวนในเบื้องต้นไม่พบว่ามีบุคคลในครอบครัวคนใดเดินทางไปยังต่างประเทศ ขอรอผลการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งถึงจะสามารถระบุที่มาที่ไปของผู้ที่แพร่เชื้อโรคได้อย่างชัดเจน ขอให้รอฟังการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ และอย่าหลงเชื่อข่าวลือในโลกโซเชียล เช่น กรณีนี้ที่มีคนติดเชื้อเป็นร้อยคน เสี่ยงติดเชื้ออีกหลายหมื่นคนอย่างเด็ดขาด

ส่วนมาตรการในการควบคุมโรค ผู้บริหารตลาดให้ความร่วมมือในการหยุดให้บริการตลาดกุ้ง 1 วัน ในส่วนแพปลาที่พบผู้ป่วยจะหยุดให้บริการจนครบ 3 วันและทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ ระยะเวลาที่ปิดเพื่อทำความสะอาดนั้น ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องปิดเป็นเวลานาน ขึ้นอยู่กับการจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่า คือคนที่มีความเสี่ยง แต่ไม่แสดงอาการและอยู่ในระหว่างการฟักเชื้อ ตรงนี้ต้องมีความเข้มงวดในการ คัดกรองคนหลังจากเปิดตลาดแล้วอย่าบกพร่องเด็ดขาด

ขณะที่นพ.โอภาส กล่าวถึงกรณีพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ,เชียงใหม่ พะเยา กรุงเทพฯ พิจิตร ราชบุรีและสิงห์บุรี ก่อนหน้านี้ที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งหมด 23 ราย ขณะนี้ผ่านมาครบสองสัปดาห์แล้วโดยที่ไม่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจังหวัดเพิ่มเติมเท่ากับว่าขณะนี้ทุกจังหวัดกลับเข้าสู่ภาวะปลอดภัยและปกติแล้ว ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม และฝากไปยังคนในจังหวัดอื่นๆว่าทั้ง 7 จังหวัดสามารถไปท่องเที่ยวได้เหมือนเดิมแต่ยังคงเน้นย้ำให้ใช้มาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มข้น ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือให้สะอาด และรักษาระยะห่างเมื่อต้องออกไปยังสถานที่ ที่มีผู้คนจำนวนมาก

ส่วนในช่วงเทศกาลปีใหม่และคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงย้ำอีกครั้งว่าสามารถจัดงานได้เหมือนเดิมเนื่องจากตอนนี้ไม่พบการระบาดในประเทศ แต่ขอให้จัดงานแบบรักษาระยะห่างลดความหนาแน่นและแออัดของคนที่จะเข้ามาร่วมงานในพื้นที่หนึ่ง โดยใช้สัดส่วน 1 ตารางเมตรต่อ 1 คน หรือลดคนร้อยละ 50 เพื่อความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]