ผลกระทบทางสังคมจากโควิด-19

กรุงเทพฯ 15 ธ.ค.-นักวิชาการศึกษาผลกระทบทางสังคมจากการระบาดของโควิด-19 พบผู้มีรายได้น้อยและคนจนได้รับผลกระทบมากที่สุด


ผศ.ดร.เสาวลักษม์ กิตติประภัสร์ และคณะ มหาวิทยาลัยรังสิต นำเสนอบทสรุปจากการศึกษาโครงการผลกระทบทางสังคมจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) และวิกฤติเศรษฐกิจ ต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หลังสำรวจกลุ่มตัวอย่างในชุมชนแออัดชั้นในประมาณ 500คน ช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนกันยายน พบว่าการระบาดของโควิด-19มีผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยและคนจนมาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีการปิดเมือง (lockdown) มากที่สุด แม้หลังมีการเปิดเมืองหรือคลายล็อกแล้ว ผลกระทบก็ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการลดลงของรายได้ การตกเกณท์เป็นคนจนใหม่ การตกงาน การเป็นหนี้ ซึ่งตัวแปรต่างๆ ไม่มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปเหมือนระดับเดิมก่อนมีการระบาดก่อนการล็อกดาวน์ได้

โดยการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจสังคมใน 3 ช่วงเวลา คือ 1)ก่อนมีการล็อกดาวน์ 2)ช่วงที่มีการล็อกดาวน์ และ3)ช่วงคลายล็อก ดังนี้ มีการเพิ่มขึ้นของคนจนใหม่จำนวนมากสะท้อนการลดลงของรายได้อย่างมากโดยช่วงล็อกดาวน์มีคนที่ตกเกณท์คนจนของกรุงเทพฯ(รายได้ต่ำกว่า 3,300 บาทต่อเดือน)ถึงร้อยละ 68.4 จากเดิมที่มีสัดส่วนคนจนต่ำกว่าเกณท์รายได้ที่ร้อยละ18.4 แม้หลังคลายล็อก สัดส่วนคนจนก็ยังสูงกว่าเดิม โดยอยู่ที่ ร้อยละ 43.2


รายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่ 8,166.93 บาทก่อนมีล็อกดาวน์ ลดลงถึงร้อยละ60 (3,232.87 บาท) ในช่วงล็อกดาวน์เมื่อเทียบกับระดับในช่วงที่มีการคลายล็อกแล้วก็ยังลดลงถึงร้อยละ 36 (5,217.64 บาท)

ด้านรายจ่ายมีแนวโน้มในทิศทางเดียวกัน คือลดลงช่วงล็อกดาวน์มากกว่าช่วงหลังคลายล็อก แต่การลดลงของรายจ่ายน้อยกว่าการลดลงของรายได้ ทำให้สัดส่วนรายจ่ายต่อรายได้ของครัวเรือนสูงกว่าก่อนหน้าจะมีมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ทำให้ภาระหนี้ของครัวเรือนมีแนวโน้มสูงขึ้นแม้ว่าจะอยู่ในช่วงหลังการล็อกดาวน์แล้ว สวนทางกับการออมที่มีแนวโน้มติดลบมากขึ้น

กลุ่มที่มีระดับรายได้ต่ำสุด เช่นกลุ่มคนจนที่มีรายได้ต่ำกว่า 3,300 บาทต่อเดือน มีสัดส่วนรายจ่ายต่อรายได้ปัจจุบันถึง 1.68 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุด เมื่อเทียบกับกลุ่มระดับรายได้อื่น โดยสัดส่วนรายจ่ายต่อรายได้ของ ผู้มีรายได้ระดับ3,301-4,000 บาทอยู่ที่ 1.15 และผู้มีระดับรายได้ 4,001-7,000 บาท อยู่ที่ 0.94 และสัดส่วนนี้ลดลงเรื่อย ๆ เมื่อระดับรายได้สูงขึ้น แสดงให้เห็นว่า ยิ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อยเท่าไร สัดส่วนของรายจ่ายต่อรายได้ยิ่งสูงมาก เพราะรายได้ไม่เพียงพอ


สัดส่วนของหนี้ต่อรายได้จะยิ่งสูงขึ้นในกลุ่มคนที่มีระดับรายได้ที่ต่ำสุด(ที่ตกเกณท์ประมาณการเป็นคนจนใน กทม.คือน้อยกว่า3,300บาทต่อเดือน) ที่มีสัดส่วนหนี้ต่อรายได้สูงที่สุดถึง 0.74 ในปัจจุบัน แสดงว่ารายได้ประมาณ 3 ใน 4 ต้องนำไปใช้หนี้ โดยร้อยละ 53.6 ของกลุ่มตัวอย่างเป็นหนี้ในปัจจุบันและมีกลุ่มที่เริ่มเป็นหนี้ในช่วงล็อกดาวน์ร้อยละ6.8ที่มีขนาดของหนี้เฉลี่ย25,382บาท โดยคนส่วนใหญ่มีขนาดของหนี้ในระดับ 10,000 -100,000 บาท(ร้อยละ 38.6 รวมกลุ่มที่มีหนี้เก่า) และร้อยละ 12.8 มีขนาดของหนี้ ไม่เกิน 10,000 บาท

ด้านการประกอบอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพ (ก่อนมีการระบาดโควิด) ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์จนถึงปัจจุบันได้แก่ ลูกจ้างรายวันทั่วไป ผู้ค้าขายรายย่อย หาบเร่แผงลอย วินมอเตอร์ไซต์ เป็นกลุ่มที่มีการตกงานและรายได้ลดลงมากที่สุด

ด้านการเยียวยาของรัฐ ส่วนใหญ่ที่ได้รับเงินเยียวในโครงการ”เราไม่ทิ้งกัน”หรือโครงการช่วยเหลือ 3,000 บาท เห็นว่าช่วยได้ในระดับปานกลาง ส่วนใหญ่ใช้ภายใน1เดือน อย่างไรก็ตามเกือบ 1ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาของรัฐ เนื่องจากมีปัญหาในการลงทะเบียนในโครงการฯมากที่สุด เพราะทำเองไม่เป็น ไม่มีอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ตหรือเอกสารพิสูจน์สิทธิ์ไม่พร้อม ไม่มีบัตร หรืออ่านหนังสือไม่ออก ผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนได้มักจะให้ลูกหลานช่วยทำให้แทน

ส่วนประเภทความช่วยเหลือที่ต้องการมากที่สุด ได้แก่ เงินเยียวยา เพราะช่วยเรื่องค่าครองชีพและนำไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นได้ง่าย รองลงมาคืออาหาร


ในเรื่องการปรับตัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ตอบว่าต้องประหยัด และพยายามพึ่งตนเองมากที่สุด บางคนขายสินทรัพย์ที่เคยใช้ในอาชีพเดิม คนที่รายได้ไม่พอจริงๆและไม่มีเงินออมเลยก็หาทางออกด้วยการกู้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้นอกระบบ รวมทั้งหนี้รายวัน ทำให้พอมีรายได้ก็ต้องนำไปจ่ายหนี้รายวันทำให้ยิ่งขาดแคลน บางคนอาศัยข้าววัดสำหรับอาหาร หลายคนปรับตัวด้วยการพยายามหางานทำเพิ่ม ทำนอกเวลา หรือทำงานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นขายของที่บ้าน/ชุมชน รับจ้างทั่วไป มอเตอร์ไซต์รับจ้าง ฯลฯ และอยากได้ทักษะใหม่ เพื่อโอกาสในการทำงานใหม่ อาชีพใหม่ด้วย ซึ่งทักษะที่ต้องการ ได้แก่การค้าขายมากที่สุด รวมทั้งการขายของออนไลน์ การทำอาหาร ทำขนม เบเกอรี่

อย่างไรก็ดีมีไม่น้อยที่ต้องการความรู้ทางการเกษตรและการเกษตรผสมผสาน การทำสวน งานที่ต้องใช้ฝีมือเฉพาะด้านเช่น การดัดผม เสริมสวย งานตัดเย็บเสื้อผ้า นวดแผนไทย งานซักรีด งานฝีมือ เช่น ร้อยลูกปัด จักสาน รวมทั้งงานช่างต่างๆเช่น ช่างเชื่อมโลหะ ช่างไม้ ช่างหินขัด ช่างซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า การขับขี่มอเตอร์ไซค์ การขับรถยนต์ รถบดดิน และงานซ่อมรถ การทำความสะอาดสำนักงาน การเลี้ยงเด็ก ฯลฯ

สำหรับข้อเสนอแนะต่อมาตรการการคุ้มครองทางสังคมให้ครอบคลุมและมีหลายระดับ(ขั้นต่ำ กลาง สูง) ตั้งแต่การช่วยเหลือในภาวะวิกฤติแบบเป็น social safety nets ตลอดจนการพัฒนาขั้นพื้นฐานตามสิทธิของพลเมืองที่ควรได้รับและการพัฒนาศักยภาพยิ่งๆขึ้นไปตามความพร้อมของบุคคลเพื่อเป็นการพัฒนาสังคม
1.ด้านการช่วยเหลือเยียวยาให้ครอบคลุมทั่วถึงคนด้อยโอกาสที่ยังตกหล่นอยู่ในแต่ละชุมชน โดยอาจใช้กลไกการช่วยเหลือผ่านเครือข่ายมูลนิธิNGOs ที่ทำงานใกล้ชิดชุมชน และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้เข้าถึงกลุ่มนี้มากขึ้น
2.การช่วยเหลือขั้นพื้นฐานตามสิทธิของพลเมืองที่ควรได้รับ ซึ่งรัฐได้ให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการต่างๆ อยู่แล้วถือเป็นการให้ตามมาตรฐานขั้นต่ำที่ช่วยในการยังชีพได้ แต่การจะพัฒนาคนมากไปกว่านั้น ต้องมีการเสริมทักษะในชีวิตที่ทำให้สามารถทำมาหาเลี้ยงชีพได้เองในระยะยาว
3.การเพิ่มศักยภาพคนและชุมชนตามความเหมาะสมและความพร้อม รัฐควรให้โอกาสส่งเสริมทักษะขั้นสูงขึ้นไปเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในโลกสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดร็ว โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]