สธ.เผยภาพรวมติดโควิดเชื่อมโยงท่าขี้เหล็ก 23 คน ยันไม่ใช่ระลอก 2

สำนักข่าวไทย 6 ธ.ค. – สธ.แถลงภาพรวมป่วยโควิด-19 ท่าขี้เหล็กรวม 23 คน และพบผู้ติดเชื้อในประเทศรวม 3 คน คือ สาวสอง จ.เชียงราย ติดจากเพื่อนพะเยา หญิง 51 ปี ที่สิงห์บุรี พบประวัตินั่งเที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยโควิดก่อนหน้า 2 คน และหญิง 26 ปี บุคลากรทางการแพทย์ติดจากสถานกักตัว พร้อมปัดเคสแม่สอด 2 ชาวเมียนมา ไม่เกี่ยวกับท่าขี้เหล็ก ข้ามมาจากเมียวดี ย้ำขณะนี้ไม่ใช่การระบาดระลอก 2


นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวสรุปสถานการณ์การพบการติดเชื้อโควิด-19 ที่เชื่อมโยงกับเคสที่เดินทางมาจากจังหวัดท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมา ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน–6 ธันวาคม 2563 มีรวม 23 คน กระจายในหลายจังหวัด แบ่งเป็น
-จ.เชียงใหม่ พบผู้ป่วย 5 คน
-จ.เชียงราย พบผู้ป่วย 11 คน โดย 5 คนพบใน Local Quarantine และในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 1 คน ได้แก่ ชายอายุ 28 ปี หรือ สาวสอง นอนร่วมห้องกับหญิงพะเยาที่ติดเชื้อ ก่อนหน้า มีประวัติเดินทางไปเที่ยวงานฟาร์มเฟสติวัล โดยพบว่ามีประวัตินอนร่วมห้องเดียวกับเพื่อน
-กทม. พบผู้ป่วย 3 คน รายแรกพบผู้ป่วยในช่วงต้นธันวาคม กลับมาจากเมียนมา ส่วนรายที่ 2 เป็นชาย 30 ปี หรือ สาวสอง ที่รักษาตัวที่ รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน ซักประวัติเดินทางไปท่าขี้เหล็ก โดยเข้ารับการตรวจวันที่ 4 ธันวาคม เช่นเดียวผู้ป่วยรายล่าสุด หญิง อายุ 26 ปี ที่เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เป็นเพื่อนของสาวสอง วัย 30 ปี ทั้งคู่ เดินทางไป จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ตั้งแต่วันที่ 6-28 พ.ย. และกลับมา กทม. เริ่มมีอาการ จึงเดินทางด้วยรถส่วนตัวไปตรวจหาเชื้อแล้วพบว่าป่วย ทำให้ต้องมีการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางร่วมเที่ยวบินกับ 2 คนนี้ ได้แก่ สายการบินไทยสมาย์ เที่ยวบิน WE 137 เชียงราย–กทม. วันที่ 29 พ.ย. และสายการบินไลออนแอร์ เที่ยวบิน SL 545 เชียงราย-กทม. เมื่อวันที่ 30 พ.ย. เนื่องจากผู้ป่วย 2 คนนี้ เดินทางกลับกันคนละวัน โดยเคสนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 5 คน เสี่ยงต่ำ 10 คน

ส่วนผู้ป่วยในจังหวัดอื่นๆ พบผู้ป่วยจังหวัดละ 1 คน ได้แก่ จ.ราชบุรี ผู้ป่วยอายุ 36 ปี, จ.พิจิตร อายุ 25 ปี, จ.สิงห์บุรี อายุ 51 ปี และ จ.พะเยา อายุ 28 ปี โดยในส่วนของผู้ที่ป่วย จ.สิงห์บุรี เป็นหญิง 51 ปี จาการสอบสวนโรค พบว่าเป็นผู้ที่เดินทางร่วมเที่ยวบินกับหญิง กทม. และพิจิตร ที่ติดเชื้อโควิดก่อนหน้านี้ โดยเป็นการเดินทางด้วยสายการบินนกแอร์ DD 8717 เมื่อวันที่ 28 พ.ย. โดยหญิงสิงห์บุรีนั่งที่นั่ง 52 ซี ห่างจากหญิงติดเชื้อโควิดก่อนหน้าที่นั่งเลขที่ 44 เจ และ 44เค ซึ่งห่างกันถึง 8 แถว แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ของสนามบินแม่ฟ้าหลวงพบว่า มีช่วงเวลาเดียวที่เข้าห้องน้ำใกล้เคียงกัน จึงขอแจ้งให้ผู้ที่เดินทางด้วยสายการบินดังกล่าวหากพบว่ามีอาการป่วยให้เร่งแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วย ว่าเดินทางมาจากสายการบินนี้ หรือไม่สบายใจสามารถขอรับการตรวจได้ โดยเบื้องต้นผู้สัมผัสร่วม 227 คน แบ่งเป็นเสี่ยงสูง 32 คน ตรวจเบื้องต้นพบเป็นลบทั้งหมด แต่ต้องกักดูอาการจนครบ 14 วัน เสี่ยงต่ำ 195 คน


นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า จากกรณีนี้จะพบว่ามีผู้ติดเชื้อในประเทศรวม 3 คน ประกอบด้วย 1.สาวสอง หรือ ชายอายุ 28 ปี เพื่อนหญิงพะเยา ที่ข้ามมาจากท่าขี้เหล็ก และเที่ยวงานฟาร์มเฟสฯ ติดเชื้อจากการนอนร่วมห้อง 2.หญิงสิงห์บุรี อายุ 51 ปี และ 3.หญิงอายุ 26 ปี เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ทำงาน Quarantine ส่วนผู้ที่ป่วยที่พบในอำเภอแม่สอด จ.ตาก ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเคสท่าขี้เหล็ก ได้แก่ ชายชาวเมียนมา อายุ 43 ปี นักธุรกิจ มาส่งสินค้าเข้าไทย ข้ามมาจาก จ.เมียวดี ที่ติดกับแม่สอด มารักษาเกาต์ ความดันโลหิต และรับการตรวจขอใบรับรองแพทย์เพื่อประกอบการทำงาน และชายชาวเมียนมา อายุ 70 ปี ข้ามมาช่องทางธรรมชาติใน จ.เมียวดี ที่ติดกับแม่สอด ครั้งแรกป่วยเป็นไข้หวัด แต่เมื่อมีอาการหนักขึ้นจึงเข้ารับการรักษาที่ รพ.แม่สอด

นายแพทย์โสภณ กล่าวว่าการพบผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นเกือบ 10 คน ต่อวันนี้ ยังไม่ถือเป็นการระบาดโควิดระลอก 2 เพราะไม่ได้ระบาดในประเทศ แต่เป็นการติดเชื้อต่างประเทศ มีทั้งเข้าตามระบบ และติดจากการลักลอบเข้าประเทศ และสามารถตามตัวจนพบ และยังไม่ได้มีการติดเชื้อข้ามไปในคนในประเทศคนอื่น การติดเชื้อในประเทศที่พบบางประปรายนี้ สามารถติดตามและควบคุมได้

นายแพทย์โอภาส ย้ำว่าความเสี่ยงการติดเชื้อโควิดไม่ได้มากจาสถานที่แต่มาจากการทำกิจกรรมในช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้นประชาชนยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แต่ขอให้สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และสแกนไทยชนะทุกครั้ง .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]