สธ.เผยภาพรวมติดโควิดเชื่อมโยงท่าขี้เหล็ก 23 คน ยันไม่ใช่ระลอก 2

สำนักข่าวไทย 6 ธ.ค. – สธ.แถลงภาพรวมป่วยโควิด-19 ท่าขี้เหล็กรวม 23 คน และพบผู้ติดเชื้อในประเทศรวม 3 คน คือ สาวสอง จ.เชียงราย ติดจากเพื่อนพะเยา หญิง 51 ปี ที่สิงห์บุรี พบประวัตินั่งเที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยโควิดก่อนหน้า 2 คน และหญิง 26 ปี บุคลากรทางการแพทย์ติดจากสถานกักตัว พร้อมปัดเคสแม่สอด 2 ชาวเมียนมา ไม่เกี่ยวกับท่าขี้เหล็ก ข้ามมาจากเมียวดี ย้ำขณะนี้ไม่ใช่การระบาดระลอก 2


นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวสรุปสถานการณ์การพบการติดเชื้อโควิด-19 ที่เชื่อมโยงกับเคสที่เดินทางมาจากจังหวัดท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมา ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน–6 ธันวาคม 2563 มีรวม 23 คน กระจายในหลายจังหวัด แบ่งเป็น
-จ.เชียงใหม่ พบผู้ป่วย 5 คน
-จ.เชียงราย พบผู้ป่วย 11 คน โดย 5 คนพบใน Local Quarantine และในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 1 คน ได้แก่ ชายอายุ 28 ปี หรือ สาวสอง นอนร่วมห้องกับหญิงพะเยาที่ติดเชื้อ ก่อนหน้า มีประวัติเดินทางไปเที่ยวงานฟาร์มเฟสติวัล โดยพบว่ามีประวัตินอนร่วมห้องเดียวกับเพื่อน
-กทม. พบผู้ป่วย 3 คน รายแรกพบผู้ป่วยในช่วงต้นธันวาคม กลับมาจากเมียนมา ส่วนรายที่ 2 เป็นชาย 30 ปี หรือ สาวสอง ที่รักษาตัวที่ รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน ซักประวัติเดินทางไปท่าขี้เหล็ก โดยเข้ารับการตรวจวันที่ 4 ธันวาคม เช่นเดียวผู้ป่วยรายล่าสุด หญิง อายุ 26 ปี ที่เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เป็นเพื่อนของสาวสอง วัย 30 ปี ทั้งคู่ เดินทางไป จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ตั้งแต่วันที่ 6-28 พ.ย. และกลับมา กทม. เริ่มมีอาการ จึงเดินทางด้วยรถส่วนตัวไปตรวจหาเชื้อแล้วพบว่าป่วย ทำให้ต้องมีการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางร่วมเที่ยวบินกับ 2 คนนี้ ได้แก่ สายการบินไทยสมาย์ เที่ยวบิน WE 137 เชียงราย–กทม. วันที่ 29 พ.ย. และสายการบินไลออนแอร์ เที่ยวบิน SL 545 เชียงราย-กทม. เมื่อวันที่ 30 พ.ย. เนื่องจากผู้ป่วย 2 คนนี้ เดินทางกลับกันคนละวัน โดยเคสนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 5 คน เสี่ยงต่ำ 10 คน

ส่วนผู้ป่วยในจังหวัดอื่นๆ พบผู้ป่วยจังหวัดละ 1 คน ได้แก่ จ.ราชบุรี ผู้ป่วยอายุ 36 ปี, จ.พิจิตร อายุ 25 ปี, จ.สิงห์บุรี อายุ 51 ปี และ จ.พะเยา อายุ 28 ปี โดยในส่วนของผู้ที่ป่วย จ.สิงห์บุรี เป็นหญิง 51 ปี จาการสอบสวนโรค พบว่าเป็นผู้ที่เดินทางร่วมเที่ยวบินกับหญิง กทม. และพิจิตร ที่ติดเชื้อโควิดก่อนหน้านี้ โดยเป็นการเดินทางด้วยสายการบินนกแอร์ DD 8717 เมื่อวันที่ 28 พ.ย. โดยหญิงสิงห์บุรีนั่งที่นั่ง 52 ซี ห่างจากหญิงติดเชื้อโควิดก่อนหน้าที่นั่งเลขที่ 44 เจ และ 44เค ซึ่งห่างกันถึง 8 แถว แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ของสนามบินแม่ฟ้าหลวงพบว่า มีช่วงเวลาเดียวที่เข้าห้องน้ำใกล้เคียงกัน จึงขอแจ้งให้ผู้ที่เดินทางด้วยสายการบินดังกล่าวหากพบว่ามีอาการป่วยให้เร่งแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วย ว่าเดินทางมาจากสายการบินนี้ หรือไม่สบายใจสามารถขอรับการตรวจได้ โดยเบื้องต้นผู้สัมผัสร่วม 227 คน แบ่งเป็นเสี่ยงสูง 32 คน ตรวจเบื้องต้นพบเป็นลบทั้งหมด แต่ต้องกักดูอาการจนครบ 14 วัน เสี่ยงต่ำ 195 คน


นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า จากกรณีนี้จะพบว่ามีผู้ติดเชื้อในประเทศรวม 3 คน ประกอบด้วย 1.สาวสอง หรือ ชายอายุ 28 ปี เพื่อนหญิงพะเยา ที่ข้ามมาจากท่าขี้เหล็ก และเที่ยวงานฟาร์มเฟสฯ ติดเชื้อจากการนอนร่วมห้อง 2.หญิงสิงห์บุรี อายุ 51 ปี และ 3.หญิงอายุ 26 ปี เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ทำงาน Quarantine ส่วนผู้ที่ป่วยที่พบในอำเภอแม่สอด จ.ตาก ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเคสท่าขี้เหล็ก ได้แก่ ชายชาวเมียนมา อายุ 43 ปี นักธุรกิจ มาส่งสินค้าเข้าไทย ข้ามมาจาก จ.เมียวดี ที่ติดกับแม่สอด มารักษาเกาต์ ความดันโลหิต และรับการตรวจขอใบรับรองแพทย์เพื่อประกอบการทำงาน และชายชาวเมียนมา อายุ 70 ปี ข้ามมาช่องทางธรรมชาติใน จ.เมียวดี ที่ติดกับแม่สอด ครั้งแรกป่วยเป็นไข้หวัด แต่เมื่อมีอาการหนักขึ้นจึงเข้ารับการรักษาที่ รพ.แม่สอด

นายแพทย์โสภณ กล่าวว่าการพบผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นเกือบ 10 คน ต่อวันนี้ ยังไม่ถือเป็นการระบาดโควิดระลอก 2 เพราะไม่ได้ระบาดในประเทศ แต่เป็นการติดเชื้อต่างประเทศ มีทั้งเข้าตามระบบ และติดจากการลักลอบเข้าประเทศ และสามารถตามตัวจนพบ และยังไม่ได้มีการติดเชื้อข้ามไปในคนในประเทศคนอื่น การติดเชื้อในประเทศที่พบบางประปรายนี้ สามารถติดตามและควบคุมได้

นายแพทย์โอภาส ย้ำว่าความเสี่ยงการติดเชื้อโควิดไม่ได้มากจาสถานที่แต่มาจากการทำกิจกรรมในช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้นประชาชนยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แต่ขอให้สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และสแกนไทยชนะทุกครั้ง .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย