สธ.4 ธ.ค.- สธ.แจงเคสสิงห์บุรีติดโควิด-19 ให้รอผลสอบสวนโรค เพราะให้ข้อมูลไม่ชัด อ้างจำวันไปงานสิงห์ปาร์คไม่ได้ เพราะหากประวัติไม่เคยไปเมียนมาอาจถือติดในประเทศ พร้อมรับหนักใจสอบสวนโรคหญิง 10 คนลักลอบเข้าไทยเพราะนัดแนะกันให้ข้อมูลจริงแค่ร้อยละ 50 ต้องสอบผ่านซิมโทรศัพท์ ย้ำ ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายเท่ากับทำลายประเทศ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 14 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และ1 คนเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ โดยในรายติดเชื้อในประเทศนี้ พบว่าเป็นชายอายุ 28 ปี เป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดกับเคสหญิงพะเยา อายุ 28 ปี ทำงานสถานบันเทิง จังหวัดท่าขี้เหล็ก เมียนมา มีประวัติเดินทางไปท่องเที่ยวที่งานฟาร์มเฟสติวัลที่สิงห์ปาร์ค ในวันที่ 29 พ.ย.ในเวลา 19.30 น.ในโซนซี คาดว่านั่งโต๊ะที่ 41และยังมีประวัตินอนพักเตียงเดียวกันตลอด โดยมีการสัมผัสใกล้ชิดมากกว่า 48 ชั่วโมง
โดยชายคนดังกล่าวยืนยันว่าไม่เคยเดินทางไปเมียนมาและทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟร้าน 8080 คาเฟ่ ตลอดระยะที่ทำกิจกรรมร่วมกัน มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และมีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ไปส่งเพื่อนถึงจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งวันที่1ธ.ค.จึงแยกย้ายกับเพื่อน โดยนั่งรถสาธารณะกลับจังหวัดเชียงราย จากนั้นทำงานที่ร้านตามปกติ เมื่อทำงานไปเริ่มรู้สึกเจ็บคอ ในวันที่ 2 ธ.ค.จึงเดินทางไปตรวจเชื้อที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ผลออกในเวลา 15.00 น. ว่าติดเชื้อโควิด
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับผู้เกี่ยวข้องเดินทางไปร่วมงานสิงห์ปาร์คในวันที่ 29 พ.ย.ในช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ19.00 น. และไปเข้าห้องน้ำ หรือ อยู่โซนหน้าที่เวที และลานเบียร์ ขอให้มารายงานตัวกับสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เพื่อสังเกตอาการและสอบสวนโรค และขอให้ผู้เดินทางในสายการบิน DD 8817 ในวันที่ 28 พ.ย.เชียงราย – กรุงเทพ. ที่มีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วย กทม.และพิจิตรและสายการบินSL 533 เชียงราย -กรุงเทพฯ ในวันที่ 29 พ.ย. ที่มีความเกี่ยวข้องผู้ป่วยจ.ราชบุรี ให้มารายงานตัวด้วย
นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับข่าวกรณีการพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเป็น หญิงชาวสิงห์บุรีอายุ 51 ปี ติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้ ยังไม่ได้มีการรายงาน ศบค. อยู่ระหว่างการสอบสวนที่ชัดเจน หากให้ประวัติที่แท้จริงรายนี้จะเท่ากับติดเชื้อในประเทศ แต่เนื่องจากให้ข้อมูลไม่ชัดเจน มีความสับสน ทราบแต่ว่า มีการเดินทางไปเที่ยวสิงห์ปาร์ค แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าไปเที่ยววันไหน และมีประวัติเดินทางด้วยสายการบิน เที่ยวกับหญิงพิจิตร หญิง กทม.ที่ป่วยโควิดก่อนหน้านี้ ซึ่งบนเครื่องบินมีการสวมหน้ากากอนามัย ตามข้อบังคับ จึงขอให้รอการสอบสวนโรคที่ชัดเจนก่อน
นพ.โอภาส กล่าวว่า ยอมรับการสอบสวนโรคในหญิง 10 คนที่ลักลอบเดินทางเข้าไทย ทางช่องทางธรรมชาติมาจากจังหวัดเชียงราย มีความยุ่งยาก เพราะทุกคน ไม่ยอมให้ข้อมูลที่แท้จริง เนื่องจากกลัวความผิดทำให้ไม่ยอมบอกและทั้ง 10 คนนี้เป็นเพื่อนกัน ทำให้มีการนัดแนะ การให้ข้มูลกับเจ้าหน้าที่การสอบสวนจึงยากลำบาก ต้องมีการสอบทานข้อมูล และใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย โดยการเทียบกับซิมการ์ด โทรศัพท์ จึงอยากย้ำว่าการให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมา ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ง่ายขึ้นในการสอบสวนควบคุมโรค เพราะทั้ง10คนนี้ให้ข้อมูลที่แท้จริงแค่ 50 เปอร์เซนต์ พร้อมย้ำ การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเท่ากับทำลายประเทศ
นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ไม่อยากให้มีการตื่นตระหนก การปิดโรงเรียน สถานประกอบจะทำเมื่อพบผู้ป่วยและปิดทำความสะอาด 3 วัน หากพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงก็ให้คนดังกล่าวนั้นหยุดสังเกตอาการ ไม่จำเป็นต้องปิดกิจการ หรืออื่นๆและคนทั่วไปสามารถทำกิจกรรมตามปกติได้ เพราะขณะนี้พบการปิดบริการ ปิดสถานบริการที่ทำเกินกว่าเหตุ อย่างไรก็ตาม ยังห่วงเรื่องการจัดกิจกรรมบิ๊กเมาท์เท่น (Big Mountain Music Festival) ที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมานั้น ไม่ได้ห้ามการจัดกิจกรรม ขอให้ผู้ที่เดินทางไปเคร่งครัดเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือและมีระยะห่าง และทางผู้จัดงานควรออกมาตรฐานรองรับ .-สำนักข่าวไทย